ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 26 จุด หลังสหรัฐเผยยอดซื้อสินค้าคงทนดิ่งหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 30, 2009 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) จากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกดิ่งลงอย่างหนัก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ร่วงลงของสหรัฐ และความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนอาจทำให้จีนลดความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 26 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 9,070.72 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 4.47 จุด หรือ 0.46% แตะที่ 975.15 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 7.75 จุด หรือ 0.39% แตะที่ 1,967.76 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.25 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.11 พันล้านหุ้น

แมนนี เวนทร็อบ นักวิเคราะห์จากบริษัท Integre Advisors ในกรุงนิวยอร์กกล่าวกับเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.ดิ่งลง 2.5% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.6%

ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.ของสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทรถยนต์ระงับการผลิตที่โรงงานหลายแห่ง โดยค่ายรถยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอย่างเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และไครสเลอร์ กรุ๊ป แอลแอลซี ได้สั่งปิดโรงงานหลายแห่งในระหว่างที่มีการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อหวังลดต้นทุนและปรับลดสัดส่วนรถค้างสต็อกที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในช่วงที่บริษัทเผชิญวิกฤตยอดขายตกต่ำเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ยอดสั่งจองรถและชิ้นส่วนประกอบรถตกต่ำลง

อย่างไรก็ตาม แคททาพิลลาร์ อิงค์ เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับอุปสงค์ดีขึ้นจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้งในและต่างประเทศที่เริ่มได้ผล โดยบริษัทรายงานผลกำไรไตรมาสสองที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดการณ์ ซึ่งทำให้เห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะขยายตัวในอัตราเฉลี่ยที่ 1.5%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลที่ว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นจีนอาจฉุดเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงและจะส่งผลให้ดีมานด์สินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงโลหะ ของจีนหดตัวลงด้วย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์คาดการณ์ว่า ราคาทองแดงแนวโน้มอ่อนตัวลงในเร็วๆนี้ หลังจากทะยานขึ้นไปแล้ว 80% ตั้งแต่ช่วงต้นปี เนื่องจากสต็อกทองแดงของจีนที่ตุนไว้เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างบ้านและรถยนต์ มีจำนวนมากขึ้น

นักวิเคราะห์จากซูมิโตโม่ เมทัล ไมนิ่ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตโลหะรายใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น กล่าวโดยอ้างข้อมูลประจำสัปดาห์ของ London Metal Exchange ว่า สต็อกทองแดงของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น และจีนนำเข้าทองแดงน้อยลงหลังจากที่ทุ่มซื้อทองแดงในปริมาณมากสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในประเทศ นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์ (5.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ไม่ได้ช่วยกระตุ้นดีมานด์อุตสาหกรรมที่ต้องใช้โลหะทองแดงเท่าใดนัก ขณะที่เศรษฐกิจโลกซึ่งมีแนวโน้มหดตัวลงอีก 1.4% ในปีนี้ ก็จะยิ่งทำให้ราคาทองแดงอ่อนตัวลงด้วย

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปิดร่วงลงจากกระแสความวิตกกังวลเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศจีน จีนโดยหุ้นอ็อคซิเดนเชียลปิดร่วง 3.1% หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ปิดร่วง 3.9%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ