นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยแผนงานครึ่งปีหลังว่า ตลท.เตรียมการออกสินค้าใหม่ คือ กองทุนอีทีเอฟอ้างอิงดัชนี FTSE SET Shariah Index และกองทุน Islamic funds ซึ่งจะสามารถดึงดูดความสนใจผู้ลงทุนเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ตลาดอนุพันธ์อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการซื้อขายดอกเบี้ยล่วงหน้า (Interest Rate Futures) เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ลงทุน
นอกจากนั้น ตลท.จะเร่งเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียน หลังจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)อนุมัติมาตรการจูงใจให้กิจการทุกประเภทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน ให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากเดิมที่กำหนดวงเงินภาษีเงินได้ที่ได้รับยกเว้น เป็นไม่จำกัดวงเงินภาษี โดยให้มีผลจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
สำหรับผลงานในช่วง 6 เดือนแรก มีบริษัทเข้าจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 7 บริษัท( SET 2 บริษัท และ mai 5 บริษัท) มีมูลค่าตามราคาตลาด ณ ราคาไอพีโอ 6,833 ล้านบาท และมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 1 กอง ขนาด 1,005 ล้านบาท
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และอยู่ระหว่างรอเข้าซื้อขาย 11 บริษัท (SET 7 บริษัท / mai 4 บริษัท) มูลค่าตลาดประมาณ 21,515 ล้านบาท และมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่รอเข้าจดทะเบียนอีก 3 กองทุน ขนาด 2,881 ล้านบาท รวมถึงมีบริษัทที่อยู่ระหว่างยื่นคำขอกับสำนักงาน ก.ล.ต. อีก 10 บริษัท (SET 1 บริษัท / mai 9 บริษัท)
นางภัทรียา กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรก และปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 ทำให้มีการกลับเข้ามาซื้อขายเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากมุมมองของนักลงทุนต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น โดยในช่วง 6 เดือนแรก มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรวมใน SET และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) อยู่ที่ 15,126 ล้านบาทต่อวัน
ในขณะที่ตลาดอนุพันธ์ (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 10,678 สัญญาต่อวัน ส่วนการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต มีมูลค่ารวม 363,817 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.2 ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
บการระดมทุนในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนด้วยการออกหุ้นสามัญและตราสารหนี้รวม 304,832 ล้านบาท (เป็นการระดมทุนผ่านการออกหุ้นสามัญ จำนวน 12,271 ล้านบาท และผ่านการออกตราสารหนี้ 292,561ล้านบาท)
นางภัทรียา กล่าวว่า การดำเนินงานในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา การออกตราสารใหม่มีความรวดเร็วมากขึ้น โดยตราสารใหม่ที่ได้เปิดทำการซื้อขายแล้ว ได้แก่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทองคำ (Gold Futures) Single Stock Futures 11 ตัว และใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ หรือ Derivatives Warrant (DW) นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว FTSE SET Shariah Index เพื่อให้เป็นดัชนีอ้างอิงเพื่อการออกตราสารใหม่ ๆ โดยเร็ว ๆ นี้ จะมีการเปิดให้มีการซื้อขายอีทีเอฟที่อ้างอิงดัชนี FTSE SET Large Cap หรือ ThaiDex FTSE SET Large Cap ETF