(เพิ่มเติม) ฟิทช์คงอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะยาวของ IRPC ที่ A-(tha)

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 3, 2009 16:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) คงอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะยาวของบมจ.ไออาร์พีซี จำกัด (IRPC) และหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิที่ A-(tha) และคงอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะสั้นที่ F2(tha) โดยให้แนวโน้มเครดิตเป็นลบ

การจัดอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทเนื่องจากการผลิตที่ต่อเนื่องตั้งแต่การกลั่นน้ำมันไปจนถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลายในประเทศไทย รวมถึงประสบการณ์และชื่อเสียงของบริษัทในธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายในประเทศอันยาวนาน การผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ต่อเนื่องครบวงจรทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิต สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายชนิดซึ่งทำให้บริษัทสามารถเลือกแผนการผลิตที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด และยังช่วยลดความผันผวนของรายได้อีกด้วย IRPC ยังได้รับประโยชน์จากการที่มี บมจ. ปตท จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่โดยบริษัทสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานจากการร่วมดำเนินการกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. อย่างไรก็ตามการพึ่งพากันในการดำเนินธุรกิจและการผลิตระหว่างบริษัทกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. ยังคงอยู่ในระดับที่จำกัด เนื่องจากการดำเนินธุรกิจและการผลิตของ IRPC ค่อนข้างจะเป็นอิสระและมีกระบวนการผลิตที่ต่อเนื่องครบวงจรอยู่แล้ว

ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของบริษัท ถูกลดทอนจากปัจจัยเสี่ยงที่บริษัทต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมัน ค่าการกลั่นตลอดจนราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในตลาดโลกซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและการสร้างกระแสเงินสดของบริษัท ฟิทช์เห็นว่า IRPC มีความจำเป็นต้องปรับปรุงกระบวนการกลั่นของโรงกลั่นให้มีความซับซ้อนมากขึ้นเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเลือกน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์มากขึ้น (ซึ่งจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้น) อย่างไรก็ตามการควบรวมกิจการกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. จะช่วยลดความจำเป็นดังกล่าวได้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการพึ่งพาการส่งออกในธุรกิจปิโตรเคมี เนื่องจากประเทศไทยมีกำลังการผลิตโพลีเมอร์เกินความต้องการใช้ภายในประเทศ

แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของ IRPC ในปี 2551 ซึ่งส่งผลให้หนี้สินและอัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการพิจารณาอันดับเครดิตอ่อนแอลงอย่างมาก รวมถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในอนาคตที่มีแนวโน้มที่จะลดลงจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ ความไม่แน่นอนของอุปสงค์ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงกลั่นที่มีกระบวนการกลั่นที่มีความซับซ้อนต่ำ ซึ่งจะมีส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบและความยืดหยุ่นต่ำกว่าโรงกลั่นที่มีกระบวนการกลั่นที่มีความซับซ้อนสูง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจจะเป็นการบั่นทอนผลประกอบการและฐานะทางการเงินของบริษัท รวมถึงทำให้การลดอัตราส่วนหนี้สินต้องใช้เวลานานขึ้นและทำให้ความคล่องตัวทางการเงินลดลง อย่างไรก็ตาม IRPC มีแผนจะลดค่าใช้จ่ายการลงทุนลงเป็นจำนวนมากในช่วงปี 2552 ถึง 2554 ซึ่งมีส่วนช่วยให้บริษัทสามารถรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

รายได้ของ IRPC ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 ลดลงอย่างมากโดยมีรายได้รวม 26.1 พันล้านบาท ลดลง 57.4% เมื่อเทียบกับรายได้ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลดลงอย่างมากของราคาผลิตภัณฑ์และปริมาณการขาย IRPC ได้ปิดซ่อมบำรุงประจำปีเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ที่หน่วยการกลั่นในเดือน กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงเหลือเพียง 52% บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (EBITDAR) ติดลบ 2.4 พันล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2552 อย่างไรก็ตามถ้ารวมการเพิ่มค่าของสินค้าคงคลังเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์และราคาวัตถุดิบ IRPC มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า 2.5 พันล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2552

ฟิทช์ระบุว่า ภาวะถดถอยของอุตสาหกรรมที่รุนแรงและยืดเยื้อกว่าที่คาดการณ์ รวมถึงอัตราส่วนหนี้สินในระดับที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ จะเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในทางตรงกันข้ามความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ จะช่วยทำให้แนวโน้มอันดับเครดิตของ IRPC มีเสถียรภาพมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ