ตลท. คาดเสนอ ครม.เศรษฐกิจพิจารณาแผนพัฒนาตลาดทุนได้ ก.ย.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 4, 2009 17:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) คาดว่า คณะอนุกรรมการตลาดทุนจะเสนอแผนพัฒนาตลาดทุนไทยจำนวน 8 ข้อต่อคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณาภายในกลางเดือน ก.ย.52 และคาดว่าจะสามารถบังคับใช้ภายในปี 53

อย่างไรก็ตาม บางเรื่องอาจจะสามารถบังคับใช้ได้ทันที อย่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน การเปิดเสรีและการเพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันตัวกลางเนื่องจากไม่ต้องแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างตลาดทุน ขณะที่มาตราการจัดตั้งระบบการออมเพื่อการชราภาพคาดว่าจะสามารถผลักดันจากครม.ได้เร็ว

ทั้งนี้ ในส่วนมาตราการการปฎิรูประบบกฎหมายสำหรับการพัฒนาตลาดทุนถือว่าเป็นเรื่องที่ยากเนื่องจากมีกระบวนการที่ต้องเข้าสภาซึ่งทำให้ต้องใช้ระยะเวลานาน เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการ การแก้ไขกฎหมายในเรื่องการถือหุ้นต่างประเทศ การแก้ไขกฎหมายผู้กระทำผิดในเรื่องการสร้างราคาหุ้นในการลงโทษทางแพ่งเพื่อให้สามารถลงโทษได้เร็วเพราะกระบวนทางอาญาจะใช้ระยะเวลานานในการลงโทษและทำให้บางรายพ้นโทษจากการกระทำความผิด

ส่วนการแก้ไขกฎหมายในเรื่องการถือหุ้นต่างประเทศควรที่จะเปิดกว้างในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศสะดวกมากขึ้น จากปัจจุบันมีข้อจำกัด เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาต้องการเงินทุนจากต่างประเทศในการพัฒนา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาช่องทางและรูปแบบที่เหมาะสม 2-3 รูปแบบแต่จะต้องเป็นนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาซื้อขายหุ้นเท่านั้นไม่ได้เข้ามาซื้อขายหุ้นเพื่อเป็นเจ้าของบริษัท

"อยากให้มองว่าตลาดทุนไทยจะเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ใช้เป็นทางเลือกในการลงทุน และแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็อยากที่ให้มาตราการทั้ง 8 ข้อที่เราเสนอยังอยู่ดำเนินต่อไป สานต่อไป ซึ่งจะมีคณะกรรมการติดตามแผน ไม่ใช้เปลี่ยนรัฐบาลก็เปลี่ยนแผนที" นายวิรไทกล่าว

อย่างไรก็ตาม แผนพัฒนาตลาดทุนไทยมีระยะเวลา 5 ปี (ปี 52-56 ) นั้นขณะนี้มีความคืบหน้า 90% และหากแผนพัฒนาตลาดทุนไทยสามารถผลักดันได้ตามที่วางไว้ก็จะทำให้การขยายตัวของตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 15-20%ต่อปี ขณะเดียวกันก็จะทำให้ตลาดทุนโดยรวมอยู่ที่ 150% ของจีดีพี จากปัจจุบันที่ 70% ของจีดีพี

นอกจากนี้ตลาดทุนไทยควรที่จะลดต้นทุนในการทำธุรกรรมทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งการลดต้นทุนสำหรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพราะปัจจุบันถือว่ามีต้นทุนที่สูงกว่าซึ่งอาจจะส่งผลให้บริษัทดังกล่าวไม่เข้าจดทะเบียน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ