บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะปลอดหนี้ของบริษัท การมีฝ่ายบริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ยาวนาน ความหลากหลายของสินค้าและยี่ห้อสินค้าที่บริษัทจัดจำหน่าย ความเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศในสินค้าที่เป็นธุรกิจหลักคือ ชุดชั้นในสตรี เครื่องแต่งกายบุรุษ และเครื่องสำอาง ทริสเรทติ้งคาดว่านโยบายล่าสุดในการสร้างช่องทางจัดจำหน่ายของตนเองในรูปแบบร้านค้าเฉพาะอย่างไปพร้อมกับการจัดจำหน่ายผ่านทางช่องทางเดิมซึ่งได้แก่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกสมัยใหม่จะช่วยทำให้บริษัทรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งต่อไปได้ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงระดับผลกำไรที่ต่ำซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของธุรกิจจัดจำหน่าย รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตัว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง และความซับซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มสหพัฒน์ด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งทางการตลาดในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เอาไว้ได้แม้ในภาวะที่มีการแข่งขันสูง โดยนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่ออันดับเครดิตของบริษัท อย่างไรก็ตาม หากความสามารถในการทำกำไรยังคงลดลงต่อไปก็จะมีผลในทางลบต่ออันดับเครดิต
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าและดำเนินธุรกิจค้าส่งรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ กิจกรรมหลักของบริษัทคือการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค โดยเฉพาะชุดชั้นในสตรี เสื้อผ้าและเครื่องสำอางภายใต้ยี่ห้อที่หลากหลายมากกว่า 100 ยี่ห้อทั้งจากต่างประเทศและของบริษัทเอง โดยยี่ห้อจากต่างประเทศที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้บริโภค ได้แก่ Wacoal, Arrow, Lacoste, Guy Laroche, และ ELLE เป็นต้น ด้วยความสามารถและประสบการณ์ที่ยาวนานของคณะผู้บริหารและการสนับสนุนจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าและผู้จัดหา (Supplier) ในกลุ่มสหพัฒน์ ส่งผลให้บริษัทดำรงสถานะความเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ของประเทศและประสบความสำเร็จในการคงตำแหน่งผู้นำในตลาดเป้าหมาย บริษัทเป็นผู้นำตลาดชุดชั้นในสตรีในตลาดระดับกลางถึงบนโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดผ่านห้างสรรพสินค้าประมาณ 65.4% ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ Wacoal เป็นสินค้าหลักด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 58% คิดเป็นสัดส่วน 22% ของรายได้รวมของบริษัท ส่วน Lacoste และ Arrow เป็นสินค้าหลักของเสื้อผ้าบุรุษซึ่งสร้างยอดขายค่อนข้างสูงโดยมีสัดส่วนถึง 27% ของรายได้รวมในปี 2551
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล ดำรงนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวังมาโดยตลอดซึ่งพิสูจน์ได้จากการปลอดภาระหนี้มาตั้งแต่ปี 2545 นอกจากนี้ บริษัทมีการค้ำประกันบริษัทที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทในระบบจัดหาวัตถุดิบด้วย ภาระค้ำประกันดังกล่าวลดลงอย่างต่อเนื่องโดยมียอดคงเหลือ 322 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552
ยอดขายรวมของบริษัทอยู่ที่ 10,947 และ 2,518 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 และไตรมาสแรกของปี 2552 ซึ่งลดลงคิดเป็นสัดส่วน 2.5% และ 9.3% ตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายรวมในช่วงเดียวกันของปีก่อน การลดลงของยอดขายรวมในปี 2551 ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการที่บริษัทได้โอนย้ายธุรกิจ “ร้าน 108" ไปยัง บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ส่วนยอดขายในธุรกิจหลักมีการเติบโตเล็กน้อย อย่างไรก็ดี การชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 ส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคและส่งผลให้ยอดขายของบริษัทลดลงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 สาเหตุสำคัญเกิดจากการที่สินค้าหลักมียอดขายลดลง โดยยอดขายชุดชั้นในสตรีลดลง 3.5% ยอดขายเสื้อผ้าบุรุษลดลง 20.9% และยอดขายเครื่องสำอางลดลง 8.1%
บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายคงอยู่ในระดับมากกว่า 6% ในช่วงระหว่างปี 2547 ถึงปี 2550 และปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 7.1% ในปี 2551 ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามในการเพิ่มศักยภาพของระบบจัดหาวัตถุดิบอันมีผลในการลดต้นทุนสินค้า อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 วิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบันมีผลทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 4.5% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร เช่น กิจกรรมส่งเสริมการตลาด และการเพิ่มจำนวนพนักงานขายเป็นสำคัญ สภาพคล่องของบริษัทยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากภาวะปลอดหนี้และการมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ โดยบริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 988 ล้านบาทต่อปีในปี 2551 จากระดับ 840 ล้านบาทต่อปีระหว่างปี 2547-2550 แต่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 อยู่ที่ 151 ล้านบาทอันเป็นผลจากการมีค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารที่เพิ่มขึ้นและจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจ
แม้ว่าบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มมีโครงสร้างการถือหุ้นระหว่างกันค่อนข้างซับซ้อน แต่การทำธุรกรรมระหว่างกันของบริษัทในกลุ่มสหพัฒน์ก็เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)