ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้านี้ขึ้นในกรอบจำกัด ลุ้นดีดกลับทางเทคนิคช่วงเปิดตลาด

นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด โดยมีแนวต้านที่ 646, 652 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 638 จุด

เนื่องจากมองว่าเมื่อวานนี้แรงขายออกมาค่อนข้างมากในช่วงท้ายตลาดฯทำให้ปัจจัยทางด้านเทคนิคแสดงให้เห็นว่าดัชนีฯมีโอกาสที่จะดีดกลับขึ้นไปได้ทางเทคนิคในช่วงเปิดตลาด

นอกจากนี้ ตลาดสหรัฐฯและราคาน้ำมันดิบก็ยังทรงตัว ภายหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯส่วนใหญ่ออกมาค่อนข้างดีเกินคาด ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะฟื้นตัว ซึ่งก็ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดแถบภูมิภาคเอเชียประกอบกับตลาดบ้านเรายังได้ปัจจัยบวกหนุนจากที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ สำหรับปัจจัยการเมืองไทยมองว่าน่าจะมีผลต่อตลาดในสัปดาห์หน้ามากกว่า

ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ ซึ่งเช้านี้ตลาดต่างประเทศดูจะไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไร ในระหว่างเทรดยังต้องเผชิญแรงขายทำกำไรออกมา

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(4 ส.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 9,320.19 จุด เพิ่มขึ้น 33.63 จุด(+0.36%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,005.65 จุด เพิ่มขึ้น 3.02 จุด(+0.30%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,011.31 จุด เพิ่มขึ้น 2.70 จุด (+0.13%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,787.62 ล้านบาทเมื่อวานนี้
• ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 71.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.16 ดอลลาร์
• คลัง ไม่หวั่นหนี้เสีย สั่งแบงก์เฉพาะกิจผ่อนเกณฑ์สินเชื่อ บีบ 6 สถาบันการเงิน เร่งอัดฉีดเม็ดเงิน 8 แสนล้านบาท ช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่ 6 เดือนแรกมียอดอนุมัติที่เบิกจ่ายจริงเพียง 1 แสนล้านบาท ด้าน "ประดิษฐ์" ชง ครม.รับทราบแผนและแนวทางเบื้องต้นขอเงินงบประมาณสนับสนุนวันนี้ "ออมสิน" เตรียมปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการ 5 จังหวัดชายแดนใต้
• สศอ.ชี้แนวโน้มอุตสาหกรรมครึ่งปีหลังกระเตื้องขึ้น คาดผลผลิตอุตสาหกรรมไตรมาส 4 ขยายตัว 3.7% ทั้งปีติดลบ 10% ระบุ การผลิตอิเล็กทรอนิกส์ ยา อาหาร เคมีภัณฑ์ดีขึ้น มั่นใจภาวะอุตสาหกรรมผ่านจุดต่ำสุดแล้ว พร้อมฟื้นตัวเป็นรูปตัว V แนะภาครัฐเร่งเบิกจ่ายงบไทยเข้มแข็ง ดูแลค่าบาท อบรมแรงงานเพิ่มทักษะรองรับอุตสาหกรรมดีขึ้น ขณะที่ผลสำรวจนีลเส็นเผยคนไทยเชื่อมั่นเศรษฐกิจมากขึ้น
• "ภักดิ์ ทองส้ม" รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมภาคการค้าและบริการ ปรับตัวเพิ่มจาก 40.2 ขึ้นมาอยู่ที่ 42.9 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกภาคธุรกิจโดยภาคการค้าส่ง ภาคการค้าปลีกและภาคบริการ ค่าดัชนีเพิ่มจาก 41.2 40.2 และ 39.8 เป็น 42.6 41.9 และ 43.9 ตามลำดับ โดยอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากสุดจาก 41.7 เป็น 49.5
• รมว.คลัง เผยปัจจุบันราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัญหาต่อผู้ประกอบการในการผลิตสินค้าทุน ดังนั้นหากราคาน้ำมันดีเซลหน้าสถานีบริการน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นแตะ 30 บาทต่อลิตร รัฐบาลจะดำเนินการลดเงินนำเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งเป็นมาตรการยืดหยุ่นเพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน
• คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุน ชงแผนพัฒนาตลาดทุน 5 ปีเข้าครม.เศรษฐกิจ กลางเดือนหน้า "วิรไท" ชี้หากแผนแล้วเสร็จคาดตลาดทุนไทยมีขนาด 150% ของจีดีพี ส่วนตลาดหุ้นคาดการณ์เติบโต 15-20% ต่อปี เผยแผนการปฏิรูปกฎหมายหวังเพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต.ลงโทษผู้กระทำผิดได้ง่ายและเร็วขึ้น
• คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เสนอให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ปรับปรุงการเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ให้ชัดเจน โปร่งใส และเพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการการตัดสินใจลงทุนที่ทัดเทียมและมากเพียงพอ
• มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่า การขึ้นดอกเบี้ยอาจทำให้รัฐบาลเหล่านี้ต้องมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยประเทศที่น่าจะถูกลดอันดับมากที่สุดคือประเทศที่มีแนวโน้มเป็นลบอยู่แล้วได้แก่ ไอร์แลนด์ คูเวต และสามประเทศในแถบทะเลบอลติก ซึ่งได้แก่ เอสโตเนียแลตเวีย และลิธัวเนีย นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศ อาทิ ไทย บาห์เรนฮังการี เวียดนาม และปากีสถานเป็นต้น