บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง(PSL)คงเป้าหมายค่าระวางเรือเฉลี่ยในปีนี้ไว้ที่ 1.4 หมื่นเหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะต่ำกว่าเป้า โดยมองว่าความต้องการเรือขนส่งของจีนและอินเดียยังมีอยู่ ซึ่งน่าจะส่งผลดีในช่วงครึ่งหลังของปี
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทจะมีการประชุมวันนี้เพื่อพิจารณาวาระการจ่ายเงินปันผลในงวดไตรมาส 2/52 จากไตรมาส 1/52 ที่จ่ายในอัตราหุ้นละ 0.40 บาทไปแล้ว
นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ PSL กล่าวว่า ในวันนี้บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาถึงเรื่องการจ่ายปันผลระหว่างกาลในไตรมาส 2 นี้ จากไตรมาส 1 ที่จ่ายปันผลที่ 0.40 บาท/หุ้น ซึ่งถือเป็นนโยบายอยู่แล้วที่จะต้องจ่ายทุกไตรมาส ถึงแม้ค่าระวางเรือในไตรมาส 2 จะปรับลดลงมาอยู่ที่ 13,320 เหรียญฯดอลลาร์สหรัฐต่อลำต่อวันแต่ก็ยังมีเงินสดที่เพียงพอและกำไรโดยในครึ่งปีหลังยังมองว่าความต้องการเรือเทกองยังมีต่อเนื่องโดยเฉพาะจากจีนและอินเดียในแง่ของผลผลิตประกอบกับการที่บริษัทได้มีการทำสัญญาเช่าเรือระยะยาว 78% ของกำลังการขนส่งปัจจุบันที่มีอัตราเฉลี่ย 14,543 เหรียญฯต่อวันต่อลำ จึงทำให้รองรับความผันผวนและรายได้จากอัตราค่าระวางเรือทั้งปีถึงแม้ในครึ่งปีแรกค่าระวางเรือจะปรับลดลงมาเฉลี่ยที่ 13,952 เหรียญฯต่อวันต่อลำ
"ผมยังเชื่อว่าในครึ่งปีหลังความต้องการในการขนส่งสินค้ายังมีอยู่ เพราะจากการเติบโตของประเทศจีนและอินเดียที่ถือว่ามีมากในภูมิภาคนี้ ซึ่งปัจจัยตรงนี้จะทำให้เรายังคงขนส่งให้ได้ตามที่ประเมินแต่จะให้ประเมินว่าจำนวนเท่าไรนั้นเป็นเรื่องที่คาดเดายากเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบหรือเปล่าอย่างในเรื่องฟ้าฝนถ้าตกมากก็ทำให้ไม่ได้ผลผลิตก็จะทำให้มีความต้องการสั่งซื้อมากขึ้น" นายคาลิด กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะซื้อเรือทดแทนเรือที่ปลดระวางจำนวน 25 ลำตามแผนเดิม โดยจะทยอยซื้อตั้งแต่ไตรมาส 4 นี้ ใช้เวลา 12 เดือน ซึ่งบริษัทเหลือเรืออีก จำนวน 9 ลำ ที่จะต้องขายออกไป สำหรับราคาขายเรือเก่ามองว่าคงจะไม่ปรับตัวลดลงไปมากที่ไตรมาส 2 มีกำไรจากการขายเรือ 11 ล้านเหรียญฯ เพราะเป็นเรือเก่าที่มีอายุเฉลี่ย 25 ปีส่วนเม็ดเงินที่จะมาซื้อเรือทดแทนไม่มีปัญหาเพราะมีเงินสด 500-550 ล้านเหรียญฯ
หลังการขายเรือจะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการเดินเรือต่อวันต่อลำเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,850 เหรียญฯ จากไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีค่าใช้จ่ายในการเดินเรือต่อวันต่อลำ 4,990 เหรียญฯ