บมจ.ยูนิเวนเจอร์ (UV) เร่งเครื่องพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์หวังพลิกมาเป็นรายได้หลักในสัดส่วน 70% แทนที่รายได้จากธุรกิจสังกะสีภายในปี 53 ครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัวอีก 2 โครงการใหม่แนวรถไฟฟ้า มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท พร้อมเตรียมเงินลงทุนอีก 500 ล้านบาทใช้ซื้อที่ดินใหม่ หลังจากผุดโครงการยักษ์"ปาร์คเวนเชอร์"หัวมุมถนนเพลินจิต-วิทยุ มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในปลายปี 54
UV คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 3/52 หลังจากในไตรมาส 2/52 พลิกมามีกำไรได้จากที่ขาดทุนในไตรมาส 1/52 เนื่องจากราคาสังกะสีกระเตื้องขึ้น โดยในไตรมาส 3/52 จะมีการรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดมีเนิยม
นางอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ UV คาดว่าสัดส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มเป็น 70% ในปี 53 จากปัจจุบันที่รายได้จากธุรกิจนี้คิดเป็นสัดส่วนรายได้เพียง 30% ของรายได้รวมบริษัท โดยปี 52 นี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ จากโครงการ U สบายประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้โครงการดังกล่าวมียอดจองแล้วประมาณ 70% และต้นปี 53 ก็จะรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดฯ U ดีไลท์อีกประมาณพันล้านบาท
ขณะที่โครงการ"ปาร์คเวนเชอร์"ซึ่งจะเริ่มเปิดดำเนินการในส่วนของสำนักงานให้เช่าตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 21 ในช่วง ก.ย.54 นั้น ก็จะเริ่มเปิดให้จองพื้นที่ก่อนโครงการเปิดประมาณ 1 ปี และจะเริ่มรับรู้รายได้จากการเช่าในช่วงปลายปี 54
ส่วนที่เป็นโรงแรม 5 ดาว ตั้งแต่ชั้น 22 ถึงชั้น 33 จำนวนประมาณ 245 ห้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน มี.ค.55 ทางบริษัท ทีซีซี ลักซ์ซูรีโฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท จำกัด จะเป็นผู้ดำเนินการจัดหา Chain โรงแรมชื่อดังจากต่างประเทศเข้ามาบริหาร แต่บริษัท UV จะเป็นผู้บริหารภาพรวมของโครงการทั้งหมด โดยตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 10% ต่อปี
"น่าจะเป็น Chain จากต่างประเทศ และน่าจะเป็น Chain ใหม่ที่ยังไม่มีเครือข่ายอยู่ในประเทศไทย เพื่อสร้างความแตกต่าง"นางอรฤดี กล่าว
ส่วนโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ครึ่งปีหลังนี้มีแผนจะเปิดคอนโดฯใหม่อีก 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2 พันล้านบาท เน้นทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสายปัจจุบันเช่นเดิม นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมงบประมาณ 500 ล้านบาทไว้ใช้ซื้อที่ดินเพื่อรองรับโครงการที่จะเปิดใหม่ในอนาคต ซึ่งยอมรับว่าจะพิจารณาทั้งที่ดินใหม่และที่ดินของโครงการที่สร้างค้างแต่ติดปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมามีเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์นำที่ดินมาเสนอขาย แต่เนื่องจากราคาแพงเกินไป คณะกรรมการของบริษัทจึงไม่อนุมัติ
สำหรับผลการดำเนินงานของ UV ในงวดไตรมาส 2 ปี 52 คาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรหลังบริษัทประสบผลขาดทุนในไตรมาส 1ที่ผ่านมา เนื่องจากไตรมาส 1 บริษัทประสบปัญหาราคาสังกะสีปรับตัวลดลงไปมาก แต่พอเข้าสู่ไตรมาส 2 สถานการณ์ราคาสังกะสีเริ่มกระเตื้องขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์ราคาสังกะสีจะดีขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ ทำให้ยังคาดเดาไม่ได้ว่ารายได้รวมปีนี้จะดีกว่าปีก่อนหรือไม่
ด้านนายธนพล ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ UV กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้โครงการปาร์คเวนเชอร์ก่อสร้างในส่วนของฐานรากเสร็จเรียบร้อยตามกำหนดแล้ว แต่ก็ถือเป็นเพียง 5% ของโครงการโดยรวม ทำให้คาดว่าขั้นตอนอื่นๆ ก็จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และสามารถเปิดดำเนินการได้ตามกำหนดคือเดือน ก.ย.54
สำหรับเงินลงทุนที่ใช้ในการก่อสร้าง เบื้องต้นบริษัทได้รับการสนับสนุนจากทางทีซีซีฯแล้วประมาณ 1,300 ล้านบาท นอกจากนี้ บมจ. ธนาคารกสิกรไทยก็อนุมัติสินเชื่อวงเงิน 1,800 ล้านบาท และบริษัทจะใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการของ UV เองอีกประมาณ 800-900 ล้านบาท