MILLคาดปี 52 กำไรสูสีปี 51 มีมาร์จิ้น 8-10%แต่เพิ่มเป็น 15-20%ในปี 53

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 6, 2009 09:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.มิลล์คอนสตรีลอินดัสทรีส์ (MILL) คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 8-10% และในปี 53 จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 15-20% เพราะบริษัทหันมาเน้นขายเหล็กเส้นโครงสร้างชนิดเกลียว ซึ่งขายได้ในราคาที่สูงขึ้นกว่าเหล็กธรรมดา 5-10% ขณะเดียวกันคาดว่า กำไรสุทธิในปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 357.45 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 52 ที่ 1 หมื่นล้านบาทใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้ 9.4 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการประเมินแบบระมัดระวัง ถึงแม้ว่าในครึ่งปีแรกจะมียอดขายแล้ว 2 แสนตัน เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีก่อนที่ 1.5 แสนตัน แต่มูลค่าขายใกล้เคียงที่ 4-5 พันล้านบาท

เนื่องจากราคาเหล็กครึ่งปีแรกปรับตัวลดลง 30% จากปีก่อนในงวดเดียวกัน และแม้ว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 100% ในปีนี้จากปีก่อนใช้กำลังการผลิต 60-70% (รวมบริษัท บีอาร์พีสตีล) ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวม 8 แสนตันต่อปี โดย MILL มีกำลังการผลิต 5 แสนตันต่อปี แบ่งเป็น เหล็กเส้น 2-2.5 แสนตันต่อปี และเหล็กรูปพรรณ 3 แสนตันต่อปี ส่วน บีอาร์พี มีกำลังผลิต 3 แสนตันต่อปี

"ผมคงมองรายได้แบบระมัดระวังไว้ก่อนปีนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน แม้ว่าการฟื้นตัวของเหล็กจะดีขึ้น ส่วนกำไรในปีนี้ คงใกล้เคียงปีก่อนเหมือนกัน เพราะต้องยอมรับว่าปีนี้ราคาเหล็กถ้าเทียบกับปีที่แล้ว ในปีนี้มีราคาคต่ำจะค่อยๆทยอยปรับขึ้นมา ขณะที่ปีก่อนราคาเหล็กสูงและค่อยๆปรับลง" นายสิทธิชัย กล่าว

ทั้งนี้ เขาประเมินว่า ราคาเหล็กเฉลี่ยในปีนี้ จะอยู่ที่ 650 เหรียญต่อตัน โดยไตรมาส 1/52 อยู่ที 487 เหรียญต่อตัน และค่อยๆปรับขึ้นมาก ที่ 600 เหรียญ/ตัน ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ราคาเหล็กที่อาจจะผันผวนอยู่ บริษัทได้บริหารจัดการสต็อกให้เหลือ 1-2 เดือนจากเดิม 2-3 เดือน รวมทั้งการสร้างวินัยทางการเงิน โดยการเอาดูแลลบริหารความเสี่ยงของลูกหนี้ให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด หรือการเก็บเงินสดกับลูกค้า 80% ก่อน นอกจากนี้พยายามเพิ่มมูลค่าสืนค้า เช่น เหล็กเส้นโครงสร้างชนิดเกลียว จะส่งผลต่อกำไรปีหน้าเพิ่มขึ้น

ด้านนายฐิติพงษ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอาร์พี สตีล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย (ถือหุ้น 83.78%) กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าบริษัทมียอดขาย 3 แสนตัน หรือเต็มกำลังการผลิต โดยออกสินค้าใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งคาดว่าสินค้าใหม่นี้จะได้รับผลตอบรับจากตลาดอย่างดี

และตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 3 พันล้านบาท และค่อยๆปรับเพิ่มขึ้น 10% ในปีหน้า โดยปัจจุบันมีสัดส่วนส่งออก 10% และจะเพิ่มเป็น 20% ในปีหน้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาบริษัทในตะวันออกกลาง ซึ่งหากได้รับตอบรับบริษัทจะมีมาร์จิ้นจากการส่งออก

สำหรับการนำ Taiwan Depositary Receipt (TDR) จำนวน 100 ล้านหุ้น คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นไต้หวันภายในสิ้นปีนี้ และหากในอนาคต TDR ของบริษัทได้รับความสนใจ บริษัทก็อาจจะมีการเพิ่มจำนวน

"การที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เลือกไปจดทะเบียนในตลาดไต้หวัน เพราะเห็นว่า หุ้นในอุตสาหกรรมเหล็กได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาก เหมือนหุ้นพลังงานในตลาดหุ้นไทย อีกทั้ง ยังเป็นช่องทางการระดมทุนเพิ่มขึ้นนอกจากตลาดหุ้น ถ้า TDR ได้รับการตอบรับที่ดี อนาคตเราก็อาจจะมีการใส่เงินเพิ่มเข้าไปอีกก็ได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาและการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง"นายฐิติพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทได้นำหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 17.45% ของทุนชำระแล้ว นำไปสนับสนุนและเสนอขาย TDR



แท็ก (MILL)   เหล็ก  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ