นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสอ่อนตัวลงหลังจากที่วานนี้ปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างแรง ซึ่งตลาดบ้านเราคงจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดสหรัฐฯและตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะมีการย่อตัวลง
แต่ถ้าหากดัชนีฯไม่หลุดแนว 632 จุดลงไปก็จะยังไม่เสียทิศทาง ทั้งนี้ตลาดฯกำลังรอข้อมูลตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ และตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศในคืนนี้ ดังนั้นทิศทางของตลาดฯช่วงนี้จึงคงเป็นลักษณะของการแกว่งออกด้านข้าง
ส่วนปัจจัยทางด้านการเมืองไทยยังไม่ได้มีต่อตลาดฯ พร้อมให้แนวรับ 637 จุด แนวต้าน 650 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(6 ส.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 9,256.26 จุด ลดลง 24.71 จุด(-0.27%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 997.08 จุด ลดลง 5.64 จุด(-0.56%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 1,973.16 จุด ลดลง 19.89 จุด (-1%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 973.81 ล้านบาทเมื่อวานนี้
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 71.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.03 ดอลลาร์
- นายกฯ บี้พลังงานลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ กดราคาขายปลีก หลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง สั่งตรึงดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ไม่พอใจข้อเสนอพลังงานลดเก็บเงินกองทุนอนุรักษ์แค่ 50 สตางค์ สั่งศึกษาใหม่ ย้ำต้องมากกว่านี้ ก่อนเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า ยันไม่จำเป็นลดภาษีน้ำมัน เหตุรัฐบาลยังมีภาระการลงทุน ปลัดพลังงานระบุยังไม่มีความจำเป็นลดเก็บเงิน ตั้งเพดานหากน้ำมันแตะระดับ 90-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล พร้อมใช้มาตรการลดเงินกองทุนเข้าช่วย
- “อภิสิทธิ์" ร่ายยาวผลงาน 6 เดือน ชี้เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว มั่นใจเริ่มฟื้นเป็นรูปตัว “V" ไตรมาสสี่ปีนี้กลับเป็นบวก เผยดัชนีชี้วัดหลายตัวเริ่มปรับตัวดีขึ้น นับจากนี้เร่งเดินหน้าแผน “รัฐสวัสดิการ" สร้างระบบสวัสดิการ-การออมชราภาพ พร้อมออกโฉนดชุมชน เล็งเก็บภาษีทรัพย์สินและภาษีที่ดินแก้ปัญหาที่ดินทำกิน พร้อมใช้ระบบประกันราคาพืชผลเกษตร
- กูรูเศรษฐศาสตร์ทั่วโลก ทั้งไอเอ็มเอฟ-ธนาคารโลก เตือนเศรษฐกิจโลกยังไม่พ้นจากวิกฤติ เผยสองปัจจัยเสี่ยงสำคัญ "อัตราว่างงานพุ่ง-ภาคธนาคารยังอ่อนแอ" เบรกพึ่ง "จีน" เป็นผู้นำฟื้นเศรษฐกิจโลก เหตุเศรษฐกิจจีนไม่ใหญ่พอชดเชยการบริโภคในตลาดสหรัฐที่ดิ่งลงรุนแรง
- แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เผยแนวโน้มอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(ค่าเอฟที) งวดใหม่รอบเดือนก.ย.-ธ.ค. มีโอกาสปรับสูงขึ้น 10 สต./หน่วย เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า มีราคาสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกแต่ในทางปฏิบัติจะปรับขึ้นค่าเอฟทีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ จะพิจารณา