นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท(PS) กล่าวว่า บริษัทตัดสินใจเลื่อนแผนออกหุ้นกู้จำนวน 2.5 พันล้านบาทในครึ่งหลังของปี 52 ออกไปในปีหน้า เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีเงินสดจำนวนมากเพียงพอในการพัฒนาโครงการ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/52 มีเงินสด 2 พันล้านบาท ขณะที่ D/E อยู่ในระดับต่ำ
แต่อย่างไรก็ตาม แผนการออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะมีการประเมินสถานการณ์และดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงกลางปีหน้า
นายประเสริฐ กล่าวว่า การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีจำนวน 23 โครงการ จากทั้งปีมีจำนวน 30 โครงการ ขณะนี้ได้มีการซื้อที่ดินพร้อมพัฒนาแล้ว 11 โครงการ คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนราว 1.5 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างการซื้อที่ดินอีก 12 โครงการ ซึ่งจะมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 2-3 โครงการ และที่เหลือเป็นบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์
ในสัปดาห์หน้าบริษัทจะลงนามในบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น(MOU)ในการร่วมทุนกับพันธมิตรเวียดนาม ชื่อ HOANG HUY ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยจะมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย PS เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 85% ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดขายจากการพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ในเวียดนามประมาณ 100 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 1 พันล้านบาท โครงการดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI เวียดนาม
ในส่วนของการขยายธุรกิจในประเทศอินเดียนั้นจะเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยว โดยจะมีการเซ็น MOU ในการจัดซื้อที่ดินเพิ่มแปลงที่ 2 ประมาณ 60 ไร่ คาดว่าแปลงนี้จะสามารถดำเนินการได้เร็วกว่าแปลงที่ 1 เนื่องจากที่ดินอยู่ในสภาพที่สามารถพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ได้เลย มูลค่าโครงการละ 1 พันล้านบาท จะเปิดขายได้ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการศึกษาการเข้าไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เซี่ยงไฮ้ด้วย คาดว่า ปี 53 จะเห็นความชัดเจนว่าจะเข้าไปพัฒนาหรือไม่
"การขยายธุรกิจไปต่างประเทศจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัทอย่างโดดเด่นในปีหน้า และคาดว่าจะทำให้มีสัดส่วนรายได้ที่มาจากต่างประเทศเพิ่มเป็น 5% ในปี 53 จากปัจจุบันที่บริษัทยังไม่มีรายได้จากต่างประเทศ"นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ถึงแม้บริษัทจะหันไปพัฒนาโครงการในต่างประเทศ แต่ฐานรายได้ยังมาจากในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการเติบโตในครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะมียอดขายมากกว่าครึ่งปีแรกที่มียอดขายรวม 9,049 ล้านบาท และคาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากในไตรมาส 4/52 บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการไอวี่ ริเวอร์ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าโครงการอื่น
อีกทั้งบริษัทยังไม่มีค่าใช้จ่ายที่จะต้องเข้ามาบันทึกแล้ว จากที่รับรู้ไปก่อนหน้านี้แล้ว และครึ่งปีแรกมีกำไรตุนไว้แล้ว 1.3 พันล้านบาท ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้คาดว่าปีนี้จะสามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้มากกว่าปีก่อนที่จ่าย 0.33 บาท/หุ้น
"ปีนี้จะเป็นปีที่โดดเด่นของเรา ภายใต้การที่เราวางธุรกิจที่ดีและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและเรายังมีโครงการของ BOI ที่เรายื่นใหม่อีก 10 โครงการ จากปัจจุบันที่เรามีอยู่ 38 โครงการ"นายประเสริฐกล่าว