(เพิ่มเติม) KTB มองดบ.ในระบบมีโอกาสปรับขึ้น 0.25-0.50%ปีนี้จากการแข่งขัน-สภาพคล่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 7, 2009 16:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปรีชา ภูขำ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า จากแนวโน้มสภาพคล่องในระบบที่เริ่มลดลง หลังจากรัฐบาลมีแผนจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะต้องมีการกู้เงินในประเทศ อย่างน้อยวงเงิน 4 แสนล้านบาท ดังนั้น จึงจะส่งผลให้การแข่งขันในระบบธนาคารพาณิชย์ มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เพื่อหาสภาพคล่อง

ดังนั้น คาดว่าในช่วงปลายปีนี้อัตราดอกเบี้ยในระบบจะอยู่ในขาขึ้นแล้ว โดยมองว่าธนาคารพาณิชย์จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้อย่างน้อย 0.25% และดอกเบี้ยเงินฝาก 0.50%

"อย่างน้อยในปีนี้ความต้องการเงินในตลาดจะมี 2-3 แสนล้านบาทที่จะส่งผลให้สภาพคล่องในระบบลดลง เพราะภาครัฐมีโครงการลงทุนและต้องกู้เงินในประเทศ ขณะที่นักธุรกิจก็เริ่มกลับมากู้เงินมากขึ้น...ช่วงนี้การแข่งขันตัดราคาจะรุนแรงขึ้น เพราะความต้องการสภาพคล่อง จะเห็นว่าตอนนี้เริ่มมีการแข่งขันแย่งเงินฝากกันบ้างแล้ว"นายปรีชา กล่าว

รองกรรมการผู้จัดการ KTB กล่าวอีกว่า KTB มีเป้าหมายปล่อยสินเชื่อรวมในปีนี้ 350,000 ล้านบาท ขยายตัว 7% ซึ่งได้รับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากนโยบายของรัฐบาล โดยคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ารายย่อย 50,000 ล้านบาท ลูกค้าขนาดกลาง และรายใหญ่ 150,000 ล้านบาท และลูกค้าในกลุ่มของข้าราชการ และรัฐวิสาหกิจ อีก 150,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ การปล่อยสินเชื่อของธนาคารจะพิจารณาจากความต้องการสินเชื่อของลูกค้าแต่ละกลุ่ม และระดับความเสี่ยงว่ารับได้หรือไม่ เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดปัญหาสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)

นอกจากนี้ ขณะนี้กำลังซื้อในประเทศเริ่มมีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นแล้ว จากงานวิจัยของธนาคารพบว่าการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนและนักธุรกิจเริ่มดีขึ้น แนวโน้มการส่งออกก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น ภาคการผลิตเริ่มกลับมาผลิตสินค้ามากขึ้น จนสต๊อกวัตถุดิบไม่เพียงพอ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการนโยบายบริหารประเทศของรัฐบาล รวมถึงเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ทำให้ประชาชนกล้ากลับมาใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงเชื่อว่าความต้องการสินเชื่อในตลาดจะขยายตัวมากขึ้น แต่ความเสี่ยงจะยังมีอยู่เช่นกัน

นายปรีชา ยังกล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาว่า เห็นความตั้งใจทำงานของรัฐบาลภายใต้ภาวะที่ยังมีความแตกแยกทางสังคมและมีปัญหาด้านการเมือง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจทำงานเต็ม 100% มีการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แม้บางเรื่องอาจมีผลต่อคะแนนนิยม เช่น การจัดเก็บภาษีทรัพย์สินและที่ดิน ซึ่งต้องยอมรับว่าการถือครองที่ดินส่วนใหญ่จะอยู่ในมือคนชั้นกลางและชั้นสูง ดังนั้น หากจะให้คะแนนการทำงานของรัฐบาลถือว่าสอบผ่านด้วยคะแนน 7-8 เต็ม 10

"บางเรื่อง แม้รู้ว่าจะมีผลต่อคะแนนนิยม เช่น การเก็บภาษีที่ดิน แต่รัฐบาลก็พยายามผลักดันให้เกิด เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเป็นประโยชน์ในอนาคต ทั้งการกระจายรายได้และกระจายที่ดินทำกินให้เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย" นายปรีชา กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ