(เพิ่มเติม) ฟิทช์จัดอันดับความน่าเชื่อภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ดีแทคชุดใหม่ที่ A+(tha)

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 10, 2009 17:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ได้ให้อันดับความน่าเชื่อภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ชุดใหม่อายุ 7 ปี มูลค่าไม่เกิน 2 พันล้านบาทของบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ที่ A+(tha)

โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียน ชำระคืนเงินกู้เดิม และค่าใช้จ่ายในการลงทุน

การจัดอันดับเครดิตของ DTAC สะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา DTAC ได้ลงทุนขยายโครงข่ายการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากขึ้น และสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้ถึงแม้จะมีการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ นอกจากนี้การประกาศใช้หลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการใช้และเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคม (Interconnection Framework) โดยคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ในช่วงปลายปี 2549 ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของ DTAC ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้หน่วยงานภาครัฐลดลง

          ทั้งนี้ อันดับเครดิตของ DTAC ยังสะท้อนถึงสถานะทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้น และการสนับสนุนในระดับปานกลางจากบริษัทแม่ เทเลนอร์ จากนอร์เวย์ (ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศที่ ‘BBB+’/แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) โดยเทเลนอร์ถือหุ้นใน DTAC ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ 65.5%    ถึงแม้ว่านโยบายในการให้การสนับสนุนต่อบริษัทลูกของเทเลนอร์จะพิจารณาเป็นรายกรณีไป และอยู่บนพื้นฐานของการไม่มีสิทธิไล่เบี้ย (non-recourse) ไปยังเทเลนอร์    อย่างไรก็ตามหากพิจารณาถึงความเกี่ยวเนื่องทางด้านการดำเนินงานและด้านกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ  ฟิทช์มองว่าการสนับสนุนของเทเลนอร์ต่อ DTAC อยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งส่งผลให้อันดับเครดิตของ DTAC ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหนึ่งอันดับจากอันดับเครดิตของ DTAC เอง

ถึงแม้ว่ากำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ DTAC อาจได้รับผลกระทบจากสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ฟิทช์มองว่าบริษัทยังคงมีความคล่องตัวในการปรับลดค่าใช้จ่าย ทั้งด้านการดำเนินงาน การตลาด และการลงทุนใหม่ เมื่อจำเป็น ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 DTAC มีรายได้และกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR) ลดลงมาอยู่ที่ 32.3 พันล้านบาท และ 10.1 พันล้านบาท จาก 34.4 พันล้านบาท และ 11.6 พันล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปี 2551 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทยังคงแข็งแกร่งโดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 DTAC มีกระแสเงินสดสุทธิที่ 10.5 พันล้านบาท อัตราหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (Adjusted net debt to EBITDAR) ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 1.0 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปี 2552 จาก 1.3 เท่า ณ สิ้นปี 2551

อย่างไรก็ตามอันดับเครดิตของ DTAC ได้พิจารณารวมถึงความกังวลเกี่ยวกับแผนการลงทุนที่สูง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงข่ายโทรศัพท์ระบบ 3G (Third Generation of Mobile Phone) ซึ่งอาจส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (Adjusted net debt to EBITDAR) ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนที่จะให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1GHz หากบริษัทได้รับการจัดสรรใบอนุญาต โดยฟิทช์คาดว่าการลงทุนดังกล่าวจะประกอบด้วยการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจำนวนประมาณ 150-200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2552 หรือ 2553 และการลงทุนก่อสร้างโครงข่ายในช่วงปี 2552-2554 ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ของบริษัทประกอบด้วยการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และความไม่แน่นอนทางด้านกฎระเบียบของกิจการโทรคมนาคม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ