ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 120.16 จุด หลัง FED ระบุศก.สหรัฐฟื้นตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 13, 2009 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการเข้าซื้อพันธบัตรออกไปเป็นเดือนต.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 120.16 จุด หรือ 1.30% แตะที่ 9,361.61 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 11.46 จุด หรือ 1.15% แตะที่ 1,005.81 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 28.99 จุด หรือ 1.47% แตะที่ 1,998.72 จุด

ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.23 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 11 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.18 พันล้านหุ้น

บรูซ แมคเคน นักวิเคราะห์จาก Key Private Bank กล่าวกับเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดคึกคักขึ้น หลังจากเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% พร้อมกับส่งสัญญาณภายหลังการประชุมว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดไปอีกระยะหนึ่ง รวมทั้งจะขยายเวลาการเข้าซื้อพันธบัตรไปจนถึงสิ้นเดือนต.ค.

เฟดระบุว่า "จากข้อมูลที่รวบรวมได้เมื่อไม่นานมานี้ทำให้เฟดมั่นใจว่าเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพ รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคทั้งในส่วนของภาคครัวเรือน และภาคเอกชน"

นอกจากนี้ เฟดยืนยันว่าจะกระตุ้นการปล่อยกู้จำนองและยกระดับภาพรวมของตลาดสินเชื่อส่วนบุคคล ด้วยการเข้าซื้อตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) ของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เป็นวงเงิน 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ และเข้าซื้อตราสารหนี้ของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมกันนี้เฟดจะขยายเวลาการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ออกไปจนถึงเดือนต.ค. ซึ่งเดิมกำหนดไว้ที่เดือนก.ย.

หุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านทะยานขึ้น หลังจากบริษัท โทล บราเธอร์ส และบริษัท เมซี เปิดเผยยอดขายเพิ่มขึ้น โดยหุ้นโทล บราเธอร์ส ปิดบวก 14.4% หุ้นเมซีปิดบวก 6%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐ โดยในวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ค.และยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ส่วนในวันศุกร์จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ