นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) ยมอรับว่า กำไรสุทธิในปี 52 จะใกล้เคียงปีก่อน 149.5 ล้านบาท แม้คาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้น 15-20% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ปรับลดลงมาที่ 20% จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 24-25% สืบเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการแข่งขันสูง ทำให้บริษัทหันมารับงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยงานเอกชนที่หดตัวลงไป ซึ่งงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจมีมาร์จิ้นต่ำกว่างานภาคเอกชน
ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้บริษัทจะมีสัดส่วนงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่ 50% เพิ่มจากเดิมมีสัดส่วน 20-30% ขณะที่งานภาคเอกชนจะลดเหลือ 50% จากเดิม 70-80%
"ตอนนี้สภาพตลาดถือว่ายังอึมครึม แต่เรายังโชคดีที่เราปรับตัวได้เร็ว โดยการหันมารับงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ แม้มาร์จิ้นจะน้อยแต่ช่วยพยุงการเติบโตของเราได้ รอก็เพียงแต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเม็ดเงินของภาครัฐที่จะอัดฉีดเข้ามา แต่ส่วนตัวผมมองว่าเม็ดเงินที่จะเข้าสู่ระบบตงจะเป็นปีหน้ามากกว่า แต่การที่เราได้รับงานของปตท. ถือเป็น step แรกที่ดี เพราะถ้า work ก็คาดว่าจะได้งานต่อไป" นายศิริวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลังบริษัทจะเข้าไปประมูลงานเพิ่มมูลค่าราว 900 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐกับรัฐวิสาหกิจ ซึ่งคาดว่าจะได้รับงานประมาณ 70% ของที่เข้าประมูล ซึ่งล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญารับงานติดตั้งระบบฮาร์ดแวร์ให้กับบมจ.ปตท (PTT) มูลค่า 250 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/52 ทำให้ครึ่งปีหลังรายได้จะปรับเพิ่มขึ้น
ขณะนี้บริษัทมีงานในมือ(Backlog)ที่รอรับรู้ในครึ่งปีหลังอีก 900-1,000 ล้านบาท จากทั้งหมดที่มีอยู่ 1,415 ล้านบาท ดังนั้น ทำให้บริษัทเชื่อว่าจะรักษาการเติบโตของรายได้ตามที่วางเป้าหมายไว้โต 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,472 ล้านบาท