นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.เคมิคอล(PTTCH)กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 4/52 บริษัทจะเริ่มมีกำลังการผลิตใหม่ ประกอบด้วย หน่วยผลิตเอทิลีนขนาดกำลังการผลิตจำนวน 1 ล้านตัน/ปี เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) ขนาดกำลังการผลิต 3 แสนตัน/ปี และผลิตเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำเชิงเส้น (LLDPE) ขนาดกำลังการผลิต 4 แสนตัน/ปี ที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/52 นี้
รวมถึงการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDPE) ขนาดกำลังการผลิต 3 แสนตันต่อปี ที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/53 ซึ่งเป็นไปตามแผนการลงทุนของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ
สำหรับช่วงไตรมาส 2/52 บริษัทฯ มีกำไรสูงขึ้นจากไตรมาส 1/52 จากสถานการณ์อุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น และจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวหลังประสบปัญหาภาวะถดถอยตั้งแต่ช่วงปลายปี 51 ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปีนี้ ประกอบกับ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบปรับตัวดีขึ้นจากช่วงต้นปี 52
ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/52 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายรวม 20,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาส 1/52 และมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/52 จำนวน 2,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากขาดทุน 393 ล้านบาทในไตรมาส 1/52 บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคา(EBITDA)จำนวน 3,931 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% จากไตรมาสก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.43 บาท
ราคาผลิตภัณฑ์และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ HDPE-Naphtha ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการเม็ดพลาสติกในประเทศจีนเพิ่มสูงขึ้นและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ประกอบกับความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนการผลิตของ PTTCH ทำให้บริษัทฯมีผลประกอบการดีขึ้นในไตรมาส 2/52