(เพิ่มเติม) AI ปรับลดเป้ารายได้-กำไรปี 52 หลังธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าหดตัว 30-35%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 14, 2009 12:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอเชียน อินซูเลเตอร์(AI)ปรับลดเป้าหมายรายได้ในปี 52 กลับมาที่ 3 พันล้านบาท จากที่เคยขยับเป้าหมายขึ้นไปเป็น 3.5 พันล้านบาทในช่วงเดือน พ.ค.52 หลังจากพบว่าธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าหดตัว 30-40% ตามปริมาณความต้องการใช้ลดลง ขณะที่ในด้านกำไรสุทธิปีนี้คงจะต่ำกว่า 164 ล้านบาทในปี 51 ปัจจุบัน AI มีงานในมือ(Backlog) 780 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 70%

"การปรับครั้งนี้เป็นการปรับลงมาจากสัญญาณที่เริ่มเห็นในไตรมาส 2 จากเดิมที่เคยปรับเพิ่มรายได้เป็น 3.5 พันล้านบาท แต่พอลูกถ้วยมีท่าทีที่ไม่ดีและมีแนวโน้มที่จะลดลงแน่นอน คงเป็นไปได้ยากที่รายได้จะเพิ่มขึ้น" นายธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AI กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 51 บริษัทมีรายได้ประมาณ 2.4 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะลงทุนเพิ่มในธุรกิจน้ำมันพืชอีก 80 ล้านบาท เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยจะมีกำลังผลิตเพิ่มเป็น 8.5 แสนลิตร/วัน จากปัจจุบันผลิตได้ 3.5 แสนลิตร/วัน คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างในไตรมาส 4/52

"ถือเป็นการต่อยอด โดยเม็ดเงิน 80 ล้านบาท มาจาก Cash Flow และการกู้ ทำให้สามารถรองรับความต้องการในประเทศที่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและส่งออก โดยกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 8.5 แสนลิตร/วัน ทำให้ลดต้นทุนได้ 15%"

นายธนิตย์ กล่าวต่อว่า รายได้และกำไรจะปรับเพิ่มขึ้นในปีหน้า โดยรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจน้ำมันพืชที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 50-60% และขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาที่จะส่งออกไปจำหน่ายในประเทศจีนตอนใต้ หลังจากที่มีการส่งออกไปยังลาว เขมร พม่า และเวียดนามมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการนำเข้าน้ำมันปาล์มของจีน ส่วนใหญ่นำเข้าจากมาเลเซีย ซึ่งมีราคาถูกกว่าไทย 2-3 บาท ทำให้การแข่งขันยากขึ้น

ด้านธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 40% น่าจะมิศทางปรับตัวดีขึ้นในปีหน้าเช่นกัน จากปีนี้ที่ประเมินรายได้จากลูกถ้วยไฟฟ้าในปีนี้จะลดลง 30-35% จากปีก่อน เพราะปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลง ทำให้คำสั่งซื้อลดตามไปด้วย ถึงแม้ภาครัฐจะมีการอัดฉีดเงินโครงการสาธารณูปโภค แต่การลงทุนจริงคงจะไปเห็นในปีหน้ามากกว่า

"ถึงแม้ธุรกิจน้ำมันพืชจะมีความโดดเด่น แต่เราคงยังไม่มีแนวคิดที่จะทิ้งธุรกิจลูกถ้วยเพราะถ้ามันกลับมาดี ก็จะส่งผลดีต่อเรา อีกทั้งการที่มีธุรกิจหลายประเภท ทำให้เป็นการบริหารความเสี่ยงได้ด้วยเหมือนกัน" นายธนิตย์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ