บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น(SAMART)คงเป้ารายได้ในปี 52 ที่ระดับ 2.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังรายได้ของกลุ่มสามารถจะเติบโตถึง 30-40% จากครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 8.2 พันล้านบาท และกำไรสุทธิก็คาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรกที่มี 268 ล้านบาท
เนื่องจากบริษัทคาดว่าธุรกิจของบริษัทในเครือ โดยเฉพาะบมจ.สามารถเทเลคอม(SAMTEL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจะมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยมีงานรอประมูลอีกกว่า 3 หมื่นล้านบาทภายในปีนี้ และมีงานในมือที่ทยอยรับรู้รายได้อีกกว่า 4.5 พันล้านบาท รวมทั้งมีงานโครงการขนาดใหญ่ที่รอประกาศผลเร็วๆนี้ อีกกว่า 2.5 พันล้านบาท
"เรายังคงเป้าหมายปีนี้ที่รายได้ 2.2-2.3 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีแรก ทำได้ 8 พันล้านบาท ครึ่งปีหลังก็ต้องสูงกว่าครึ่งปีแรกไม่น้อยกว่า 30-40% จึงจะได้ตามเป้า ซึ่งก็มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ เพราะธุรกิจของ SAMTEL และ SIM แริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง" นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SAMART กล่าว
ส่วนบมจ.สามารถ ไอโมบาย (SIM) คาดว่าในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตจากครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือใหม่อีกกว่า 20 รุ่น ราคาเฉลี่ยต่อเครื่องเพิ่มสูงขึ้นอีก 5-10% เนื่องจากบริษัทนำเครื่องรุ่นที่มีฟังก์ชั่นใหม่มาจำหน่าย ประกอบกับปัญหาจากสต็อกคงค้างจากปีก่อนได้หมดไปเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือจะสูงกว่าครึ่งปีแรกที่อยู่ในระดับ 20% ประกอบกับ หากเกิดระบบ 3G ก็จะช่วยผลักดันให้ยอดขายโทรศัพท์มือถือราคาระดับสูงที่รองรับ 3G ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า SIM จะร่วมกับ บมจ.ทีโอที (TOT) เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แบบไร้เครือข่าย หรือ Mobile Virtual Network Operator (MVNO) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขอใบอนุญาตกับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) และ TOT คาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือนธ.ค.52 ขณะที่บริษัทคาดว่าจะเพิ่มรายได้จากการทำ Call Center หรือ ระบบบิลลิ่ง
"ถ้าเราเข้าไปมีส่วนร่วม ก็คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาในปี 53"นายวัฒน์ชัย กล่าว