ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่ลดลง ซึ่งจุดกระแสวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่ได้ฟื้นตัวแข็งแกร่งอย่างที่หวังไว้ โดยเอชเอสบีซีและโวดาโฟนเป็นแกนนำให้ตลาดร่วงลงปิดแดนลบ
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 41.49 จุด หรือ 0.9% แตะที่ 4,713.97 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนสิงหาคมโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ลดลงสู่ระดับ 63.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแค่เดือนมี.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 68.5 จากระดับ 66.0 ในช่วงปลายเดือนก.ค. โดยเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ตัวเลขดังกล่าวร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปีที่ 55.3
ผลสำรวจดังกล่าวชี้ว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของตัวเอง ทำให้ยังไม่กล้าใช้จ่าย แม้จะเชื่อว่าเศรษฐกิจในภาพรวมจะดีขึ้นก็ตาม ซึ่งการใช้จ่ายของผู้บริโภคนับว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อการที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนถึง 2 ใน 3 หรือราว 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดในสหรัฐ โดยการเปิดเผยข้อมูลน่าผิดหวังล่าสุดนี้มีขึ้น หลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในเดือนก.ค.ปรับตัวลดลง 0.1% ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7%
ในตลาดหุ้นลอนดอน หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ พีแอลซี ธนาคารรายใหญ่สุดของยุโรป ลบ 2.8% และ โวดาโฟน กรุ๊ป พีแอลซี บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่สุดของโลก ลบ 2%
ขณะหุ้นบริติช แลนด์ โค กระโดดขึ้น 3.9% หลังจากที่หนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟ รายงานว่า บริษัทอาจดึงดูดข้อเสนอเทคโอเวอร์มูลค่า 1 หมื่นล้านปอนด์ (1.7 หมื่นล้าน) จากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงลักษมี มิทตัล และตระกูลผู้ปกครองอาบูดาบี
หุ้นแฮมเมอร์สัน พีแอลซี บวก 1.7% และ ลิเบอร์ตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล พีแอลซี บวก 1.7%