โบรกฯหนุน"ซื้อ" TTA ลงทุนเหมืองถ่านหินดีในระยะยาว-Q4 โตต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 19, 2009 10:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA)มองว่าการเข้าร่วมทุนธุรกิจเหมืองถ่านหินในฟิลิปปินส์ เป็นการกระจายความเสี่ยงธุรกิจ และในระยะยาวมองว่าจะสร้างรายได้และกำไรได้ดี เช่นเดียวกับเมอร์เมด ที่จะมีงานเข้ามาช่วยเสริมรายได้ในไตรมาส 4 และจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนของธุรกิจหลักดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3 จากการนำเข้าของจีนยังมีต่อเนื่อง

TTA เข้าซื้อหุ้น 21.18% ใน Merton Group ซึ่งเป็นพันธมิตรธุรกิจใน SKI Energy Resources(SERI)ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Merton Group (40%) และ SKI Construction Group Inc (60%) ปัจจุบัน SERI มีที่ดิน 13,000 เฮกตาร์ใน Cebu ภายใต้สัมปทานเหมืองถ่านหินจากกระทรวงพลังงานฟิลิปปินส์ มูลค่าการลงทุน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 169.65 ล้านบาท)

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ยูไนเต็ด          ซื้อ                33.00
          บล.เอเซียพลัส        ซื้อ                31.70
          บล.บัวหลวง         ซื้อเก็งกำไร          31.00
          บล.กิมเอ็ง           ซื้อ                30.50
          สถาบันนครหลวงไทย    ซื้อ                28.40

บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง เห็นว่าการลงทุนเหมืองถ่านหินเป็นประโยชน์กับ TTA ทั้งในด้านการดำเนินงานและด้านการเงินในระยะยาว โครงการดังกล่าวอยู่ในช่วงการสำรวจ ส่วนการผลิตคาดว่าจะเริ่มในปี 53 เป็นอย่างเร็วที่สุด และโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินในบริเวณใกล้เคียง(กำลังการผลิตรวม 826 เมกะวัตต์ คิดเป็นอุปสงค์ต่อถ่านหิน 2.4 ล้านตันต่อปี)จะเป็นตลาดเป้าหมายแห่งแรก

"เราไม่คิดว่าข่าวข้างต้นจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาหุ้นในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าราคาหุ้น TTA จะปรับตัวขึ้น เนื่องจากช่วงไฮซีซันของอัตรา BDI กำลังจะมาถึง และมีแนวโน้มที่อัตราค่าระวางเรือจะปรับตัวขึ้นจากตัวเลข GDP ของจีนที่แข็งแกร่ง และจากการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว"บทวิจยระบุ

นอกจากนี้มูลค่า TTA ยังค่อนข้างต่ำ คิดว่าปัจจุบันซื้อที่มูลค่าต่ำเกินไป ที่ PBV ปี 2552 ที่ 0.5 เท่า

นายกวี มานิตสุภวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส มองว่า การที่ TTA เข้าลงทุนธุรกิจเหมืองถ่านหิน เป็นการ diversify เข้าไปในธุรกิจใกล้เคียง โดยปกติบริษัทเป็นผู้ขนส่งสินค้าเทกอง โดยเฉพาะที่ส่งออกมากสุดได้แก่ ปุ๋ย สินแร่เหล็ก และ ถ่านเหิน มองว่าทิศทางธุรกิจถ่านหินยังมีแนวโน้มที่ดี เพราะถ่านหินยังมีความต้องการสูง โดยคาดว่าอนาคตมีแนวโน้มบริษัทก็จะขนส่งถ่านหินได้เพิ่มเติมด้วย

"มองว่าเป็นปัจจัยบวก แม้ว่าการรับรู้รายได้กำไรในระยะสั้นคงไม่มาก แต่คาดว่าในระยะยาวจะดีเช่นเดียวกับธุรกิจเมอร์เมดฯ"นายกวี กล่าว

ขณะที่ธุรกิจเมอร์เมดที่ให้บริการงานวิศวกรรมโยธาใต้ทะเล ได้งานเพิ่มที่บราซิลและสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ ประกอบกับธุรกิจหลักมีแนวโน้มดีขึ้น โดยจีนมีการนำเข้าสินแร่เหล็กเพิ่มขี้น ทำให้ธุรกิจเรือเทกองจะฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 4 ทั้งนี้ที่ผ่านมา ค่าระวางเรือในไตรมาส 1/52 อยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นเหรียญ/ลำ/วัน, ไตรมาส 2/52 ปรับลงมาที่ 9.8 พันล้านเหรียญ/ลำ/วัน,ไตรมาส 3 มีค่าระวางเรือประมาณ 1.3 หมื่นเหรียญ/ลำ/วัน และในไตรมาส 4/52 คาดว่าจะได้เกิน 1.3 หมื่นเหรียญ/ลำ/วัน

"ตอนนี้แนะนำให้ทยอยสะม คิดว่าโอกาสหุ้น downside จะน้อยกว่า คิดว่าราคาลงมาประมาณ 20 บาทก็น่าเก็บได้ แนวโน้ม upside สูงกว่า" นายกวี กล่าว

ด้าน น.ส.ดาวดี ธีรอภิศักดิ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองว่า การเข้าลงทุนธุรกิจเหมืองถ่านหินในฟิลิปปินส์ เป็นการกระจายความเสี่ยงธุรกิจ ขณะที่การรับรู้รายได้และกำไรในช่วงต้น ๆ คงมีไม่มาก แต่ประเด็นที่สำคัญคือบริษัทสามารถหาพาร์ทเนอร์ที่ดีเข้าร่วมลงทุนได้

"การหารายได้อื่นเข้ามาช่วยในช่วงธุรกิจหลักไม่ค่อยดี แต่มองว่าธุรกิจหลักได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และยังมีธุรกิจเมอร์เมดเข้ามาเสริม ก็ยังคงแนะนำซื้ออยู่" น.ส.ดาวดี กล่าว

ขณะที่ บล.ยูไนเต็ด มองว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/52 จะออกมาดีต่อเนื่อง ค่าระวางได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และคาดว่า BDI ในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.เฉลี่ยจะเกิน 3 พันจุด ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเดินเรือได้ค่าระวางที่ดี ขณะที่ธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง(เมอร์เมด)เป็นช่วง High Season ทำให้เชื่อว่าผลประกอบการ Q4 จะออกมาดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3 และทั้งปีจะสามารถทำกำไรได้ตามที่เราคาดไว้

อนึ่ง บริษัทถือหุ้นเมอร์เมด 78.09%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ