นายปิยะ ตันธนพิพัฒน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาการลงทนุน บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) ยอมรับว่า คงไม่สามารถจ่ายปันผลระหว่างกาลได้ เนื่องจากกำไรที่ครึ่งปีแรกปรับตัวลดลง 20% ประกอบกับบริษัทจะต้องเตรียมเงินไว้ลงทุนแต่ทั้งปีเชื่อว่ายังสามารถจ่ายได้ตามนโยบายจ่ายปันผล
อนึ่ง ในปี 51 บริษัทจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท โดยจ่ายระหว่างกาล 1 บาท และสิ้นปีจ่ายอีก 0.25 บาท/หุ้น
สำหรับรายได้และกำไรในปีนี้คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากปีก่อน ถึงแม้ว่าสัญญาณการกลับมาของลูกค้าจะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง รวมถึงราคาถ่านหินที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แต่คงไม่สามารถชดเชยการปรับตัวลดลงในครึ่งปีแรกได้
นายปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการกลับมาสั่งซื้อสินค้าโดยเฉพาะจากลูกค้ารายใหญ่ที่ในครึ่งปีแรกหาย 50% เหลือ 20% จากเดิมที่พอร์ตของลูกค้าจะอยู่ที่ 40% ของรายได้รวม ประกอบกับราคาถ่านหินใครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะไตรมาส 4 มองว่าราคาถ่านหินจะอยู่ที่ 80 เหรียญ/ตัน ส่วนทั้งปีประเมินที่ 70 เหรียญ/ตัน ขณะที่ราคาขายถ่านหินของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะอยู่ที่ 2.3-2.8 พันบาท/ตัน
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าภายในไตรมาส 4 ปีนี้จะสามารถสรุปรูปแบบการเข้าร่วมลงทุนธุรกิจเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซีย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 3 ราย ขนาด 10-50 ล้านตัน โดยบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนไว้ 1 พันล้านบาท แหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดและกู้สถาบันการเงิน
ขณะที่โครงการบำบัดขยะที่มีแผนจะร่วมมือกับพันธมิตรประเทศเยอรมนี คงจะต้องชะลอออกไปก่อนจนกว่าจะพิจารณาแล้วเห็นว่าคุ้มค่าการลงทุน เนื่องจากปัจจุบันต้นทุนในการดำเนินการ เช่น ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอย่างมาก หากบริษัทตัดสินใจลงทุนในตอนนี้อาจจะไม่คุ้ม โดยคาดว่าจะใช้เวลาศึกษาอีกระยะหนึ่ง