นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ(BBL) เปิดเผยว่า ในปี 52 ธนาคารยังเป้าสินเชื่อที่ 0-3% จากช่วงครึ่งปีแรกที่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารหดตัว 6% ส่วนภาพรวมการปล่อยสินเชื่อทั้งระบบในปี 52 มองว่ายังติดลบ เนื่องจากราคาสินค้าและวัตถุดิบได้ปรับลดลงทำให้ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของภาคธุรกิจปรับลดลงตามด้วย
อย่างไรก็ดี ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของภาคธุรกิจในหลาย sector เช่น ภาคการส่งออก ที่การหดตัวเริ่มชะลอลง จึงคาดว่าธุรกรรมทางธุรกิจน่าจะเพิ่มขึ้นและทำให้ความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นตามด้วย
"เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นก็น่าจะมีการพิจารณาเรื่องการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่คงต้องใช้เวลาพอสมควร ตอนนี้เห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นกว่าช่วง 6-9 เดือนที่ผ่านมา เช่น การส่งออกที่หดตัวน้อยลง ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าจะกลับไปสู่ระดับเดิมได้...เราจะพยายามเต็มที่ แต่เรายังคงเป้าสินเชื่อเดิมไว้แม้จะมีสินเชื่อโครงการลงทุนภาครัฐ คงไม่ทำให้สินเชื่อเพิ่ม"นายชาติศิริ กล่าว
กรรมการผู้จัดการ BBL กล่าวอีกว่า ดอกเบี้ยในระบบธนาคารพาณิชย์ คาดว่าน่าจะยังทรงตัวในระดับนี้ต่อไปจนถึงสิ้นปี 52 นี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำยังเป็นส่วนสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันสภาพคล่องในระบบยังอยู่ในระดับที่ดีไม่น่ากังวล แม้จะมีโครงการลงทุนภาครัฐที่เตรียมระดมเงินในตลาด
สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยเห็นว่า แนวโน้มเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นแล้ว โดยเศรษฐกิจไตรมาส 3/52 เริ่มทรงตัวและมีเสถียรภาพ แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังต้องใช้เวลาอีกระยะ เพื่อให้ได้รับผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป
นายชาติศิริ ยังกล่าวในงานสัมมนา เรื่อง"ฝ่าวิกฤติสร้างโอกาส ท่ามกลางตลาดเงินที่ผันผวน"ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการไทยอาจได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่ประเทศไทยและประเทศอื่นในเอเซีย ถือเป็นผู้เฝ้าดูวิกฤติดังกล่าว มากกว่าจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากไทยมีบทเรียนจากวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 40 แล้ว ทำให้มีการปรับโครงสร้างพื้นฐาน การปรับตัวของภาคธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ เห็นว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น ยังเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยและประเทศในเอเซียใช้พื้นฐานที่มีความได้เปรียบในการมองหาโอกาสขยายธุรกิจในบางภาคอุตสาหกรรม เช่นการซื้อกิจการ หรือการลงทุนในตราสารหนี้ต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงการลงทุน