โบรกฯแนะ"ซื้อ/ซื้อเก็งกำไร"KCE มองครึ่งปีหลังฟื้นตัวตามยอดขายโตโดดเด่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 20, 2009 11:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ให้ความเห็น"ซื้อ/ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์(KCE)มองครึ่งปีหลังบริษัทจะพลิกเป็นกำไรจากครึ่งปีแรกที่ขาดทุน 114 ล้านบาท หลังจากยอดขายฟื้นตัวอย่างโดดเด่น และความสามารถทำกำไรดีเป็นผลจากการบริหารต้นทุนได้ดี และในปี 53 รายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตดีต่อเนื่อง แต่โบรกบางรายยังกังวลผลกระทบเงินบาทแข็งค่าและราคาทองแดงที่เป็นวัตถุดิบสำคัญมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เป็นความเสี่ยงที่อาจจะมีผลต่อต้นทุนของบริษัท

ราคาหุ้น KCE เช้านี้ขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 1.92 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 15 เดือน และขณะนี้ (11.21 น.) เคลื่อนไหวที่ราคา 1.89 บาท บวก 0.08 บาท(+4.42%)มีมูลค่าซื้อขายหนาแน่น

          โบรกเกอร์        คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ยูไนเต็ด      ซื้อเก็งกำไร         2.36
          บล.ดีบีเอสฯ         ซื้อ             2.23
          บล.กิมเอ็งฯ      ซื้อเก็งกำไร         2.24
          บล.ซิกโก้           ถือ             1.91

นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเกอร์ส(ประเทศไทย) มองว่า ผลประกอบการ KCE ช่วงครึ่งปีหลังทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ประเมิน H2/52 จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิถึง 116 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 115 ล้านบาทในครึ่งปีแรก ทำให้ทั้งปีบริษัทมีกำไรสุทธิราว 1 ล้านบาท

แม้ว่าในปีนี้ยอดขายของบริษัทจะลดลงไปเป็น 5.5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 7.6 พันล้านบาท แต่อัตรากำไรขั้นต้นกลับสูงกว่าปีก่อน โดยในปี 52 มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 17% เทียบกับปี 51 ที่มีอัตรา 13%

ส่วนในปี 53 คาดว่ายอดขายจะเติบโต 19% เป็น 6.5 พันล้านบาท และทำกำไรสุทธิได้ราว 60 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยูทในระดับ 17.5%

"เหตุผลที่ให้เข้าซื้อ เพราะมองว่าธุรกิจครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด จากที่ไปฟังเขา(ผู้บริหาร KCE)เมื่อวานนี้ เพราะมีสัญญาณการฟื้นตัวเกี่ยวกับยอดขาย จากที่ลงไปต่ำสุด ธ.ค.51 ยอดขายกลับมาฟื้นตัวในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และยอดขายดีขึ้นเรื่อยๆ ปี 53 เราก็ได้ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น"นักวิเคราะห์ กล่าว

ด้าน บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) คาดว่า KCE มีแนวโน้มฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี ผลประกอบการพลิกกลับมามีกำไร 65 ล้านบาท โดยได้ปรับเพิ่มประมาณการทั้งปีจากเดิมคาดขาดทุนปกติ 136 ล้านบาท เป็นขาดทุนปกติ 114 ล้านบาท หากรวมกำไรพิเศษจากการขายที่ดินและอื่นๆ ในครึ่งแรกของปีแล้วทำให้เรายังคาดการณ์ผลขาดทุนสุทธิ 49 ล้านบาทในปี 52 แม้ผู้บริหารจะตั้งเป้าหมายทำกำไรทั้งปีก็ตาม

แต่สำหรับปีหน้าคาดว่ายอดขายจะเติบโตจากปีนี้ในอัตรา 25% เป็น 6.97 พันล้านบาท(เป็นประมาณการเชิงอนุรักษ์นิยมเนื่องจากยังต่ำกว่าปี 51 ราว 9%)และอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวจาก 16.7% ในปีนี้เป็น 19.2% และเนื่องจากเป็นการปรับเพิ่มจากสมมติฐานเดิม 17.1% ทำให้เราปรับการคาดการณ์กำไรปีหน้าเพิ่มจากเดิม 36% เป็น 148 ล้านบาท หรือ 0.32 บาท/หุ้น

ขณะที่ บล.ซิกโก้(SSEC) มองว่า ครึ่งปีแรกรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์คิดเป็นสัดส่วนเท่ากับ 65% ของรายได้รวม รวมทั้งบริษัทเปิดเผยเพิ่มเติมว่ายอดคำสั่งซื้อจากอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ผลิต PCB(Printed Circuit Board)รายอื่น ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินกิจการ

และ ผู้บริหารเปิดเผยว่าบริษัทเน้นนโยบายการบริหารต้นทุน ซึ่งได้แก่การวางเป้าหมายลดอัตราของเสีย(Scrap Rate) การประเมินประสิทธิภาพของพนักงานในบริษัท รวมทั้งนโยบายบริหารจัดการต้นทุนที่ชัดเจน โดยนโยบายเหล่านี้จะเริ่มเห็นผลในไตรมาส 3/52 ส่งผลให้ SSEC มองว่า Gross Profit Margin ของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น คาดว่าปีนี้จะมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15%

แต่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น รวมทั้งราคาทองแดงที่ผันผวน ยังคงเป็นความเสี่ยง SSEC มองว่าค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าขึ้น อาจส่งผลกระทบกับบริษัท เนื่องจากยอดขายที่เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐของบริษัทในครึ่งปีแรก คิดเป็นสัดส่วนเท่ากับ 69% ของรายได้รวม รวมทั้งราคาทองแดง มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัท

ทั้งนี้ ประเมินว่าในปี 52 บริษัทมีแนวโน้มขาดทุนสุทธิเท่ากับ 87 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุน 399 ล้านบาท เนื่องจากเรามีมุมมองที่ดีกับนโยบายการบริหารจัดการต้นทุนรวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานส่งผลให้ระดับ Gross Profit Margin ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ