หุ้น BSEC ปิดเทรดช่วงเช้าราคาวิ่งขึ้น 3.31% มาอยู่ที่ 1.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 2.44 ล้านบาท เมื่อโดยเปิดตลาดที่ 1.23 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.26 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.22 บาท
Fund Survey Stocks Scanning บล.ฟาร์อีสท์ แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บล.บีฟิท(BSEC)ความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำเพราะราคาหุ้นเสมือนรับรู้ข่าวร้ายไปจนหมดแล้ว จึงคาดหวังราคาเป้าหมายที่ 2.42 บาท ซึ่งเท่ากับเงินสดและรายการเทียบเท่าสุทธิหลังหักหนี้สินแล้ว
BSEC เคยเป็น บล. ที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ใน 5 อันดับแรก (มากกว่า 6%) ด้านการเป็นนายหน้าค้าหลักทรัพย์ แต่เมื่อทำให้ทรัพยากรบุคคล (เจ้าหน้าที่การตลาด) ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดในธุรกิจนี้ได้ลดลงอย่างมาก จนกระทั่งคาดว่าส่วนแบ่งตลาดอาจจะน้อยกว่า 1% ในระยะเวลาอันใกล้ ทำให้ราคาหุ้นที่เคยซื้อขายกันประมาณ 0.8-0.9 เท่าของมูลค่าสุทธิทางบัญชี (BV) ลดลงมาเหลือเพียง 0.47x เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์สถานการณ์ของบริษัทที่รายได้จะลดลงเป็นนัยสำคัญ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อกำไรสุทธิและกำไรต่อหุ้น
จากการวิเคราะห์งบการเงินไตรมาสล่าสุด จะเห็นว่าบริษัทมีสินทรัพย์ทั้งหมด 2,551 ล้านบาท เป็นเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด (เงินลงทุนระยะสั้น+ลูกหนี้ซื้อขายหลักทรัพย์และหักสำนักบัญชี) ถึง 2,447 ล้านบาท เมื่อหักหนี้สินทั้งหมดออก 470 ล้านบาท จะเห็นว่าบริษัทมีส่วนผู้ถือหุ้นที่เป็นเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดสูงถึง 1,977 ล้านบาท คิดเป็นเงินสดและรายการเทียบเท่าต่อหุ้นเท่ากับ 2.42 บาท เทียบกับราคาในกระดานที่ 1.22 บาท
หากบริหารงานต่อไปด้วยความหวังที่เหลืออยู่อันน้อยนิด โดยติดต่อกลุ่มมาร์เก็ตติ้งเจ้าใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่ 3 กลุ่มเก่า ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าวอลุ่มมาราคาก็ควรจะไป ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวก
การควบรวมเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ถูกคาดหมายว่าจะเกิดขึ้น แต่สัญญาณที่ถูกส่งออกมาจาก UOBKH ที่เคยเป็นข่าว บอกเราว่า เมื่อบริษัทไม่มีวอลุ่ม ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะเข้าไปควบรวม เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร ดังนั้นถ้า BSEC ยังไม่สามารถทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันได้ก็เลิกคิดถึงประเด็นนี้ แต่กรณีที่บริษัทมีความสามารถทำได้เกิน 2% การควบรวมกับ บล. อื่นเพื่อให้ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ระดับ 5% ก็น่าจะเป็นไปได้โดยตีมูลค่าหุ้นในการควบรวมโดยให้ส่วนลด 15-20% ซึ่งจะได้เป้าหมายราคาที่ 1.9-2.1 บาท ซึ่งจะต้องมีการตั้งโต๊ะซื้อหุ้นคืน
อนาคตธุรกิจที่มีแต่แย่ และแย่ในปีหน้าที่จะเปิดค่าคอมขั้นบันได และค่าคอมเสรีในปี 2554 การลดทุนเป็นเหตุการณ์ที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด แม้ว่าบริษัทจะสามารถทำให้ส่วนแบ่งตลาดสูงขึ้นจากปัจจุบันให้เกิน 2% ซึ่งเป็นจุดคุ้มทุนก็ตาม เนื่องด้วยขนาดของธุรกิจเล็กลงกว่าเดิม เป็น 1 ใน 3 ของอดีต ทำให้คาดว่าน่าจะมีการลดทุนเพื่อคืนเงินผู้ถือหุ้น โดยการลดทุนจดทะเบียนด้วยวิธีลดจำนวนหุ้น อย่างน้อยที่สุดบริษัทจะต้องลดทุนลงไปครึ่งหนึ่งของปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้บริษัทจ่ายเงินสดคืนผู้ถือหุ้นหุ้นละ 2.42 บาทในจำนวนครึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นปัจจุบันที่ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งถืออยู่ (2.42 x 50% = 1.21 บาท)เท่ากับว่าผู้ถือหุ้นได้หุ้นมาฟรีๆ เพราะเงินคืนนั้นใกล้เคียงกับราคาหุ้นในกระดาน
และท้ายสุด ถ้าธุรกิจของ BSEC ยังดำดิ่งต่อไปจนส่วนแบ่งตลาดต่ำกว่า 1% ก็อาจจะทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่มีมติยกเลิกบริษัทเพื่อชำระบัญชี จะทำให้ผู้ถือหุ้นที่ซื้อราคาในกระดานปัจจุบันที่ 1.22 บาท จะได้กำไรมากกว่า 100% ที่มูลค่าทางบัญชีที่ 2.55 บาท