นายนฤพนธ์ พงษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม (TKT) เชื่อว่า ยอดขายครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มเติบโตเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในไตรมาส 3/52 เชื่อว่ารายได้และกำไรจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/52 เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวของผู้ประกอบการที่เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งชิ้นส่วนพลาสติกรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/52 และออเดอร์ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 30-40% ทำให้บริษัทได้เตรียมเพิ่มบุคคลากรฝ่ายผลิตอีก 70-80 คนจากปัจจุบันที่มีพนักงานรวม 700 คน
ส่วนในไตรมาส 4 /52 คงยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะต้องพิจารณาในแง่ของคำสั่งซื้อในไตรมาส 3/52 ว่าเป็นคำสั่งซื้อเพื่อเติมสต็อกเก่า หรือเป็นการเพิ่มยอดการผลิตใหม่จริง เพราะที่ผ่านมาบริษัทพบว่ายอดการผลิตกับยอดขายโดยรวมไม่สมดุลกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ในครึ่งปีแรกจะมียอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกแต่คงไม่สามารถช่วยทำให้การเติบโตของรายได้และกำไรในปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะยอดขายในครึ่งปีแรกลดลงไปมาก จึงทำให้รายได้และกำไรปียี้คงปรับตัวลดลงจากปีก่อนแน่นอน
แต่ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้น(Groos Profit Margin:GP)น่าจะสามารถรักษาให้ใกล้เคียงปีก่อน 17.9% เพราะที่ผ่านมาบริษัทได้มีการควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับคงที่
นายนฤพนธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทได้รับออเดอร์จากผู้ค้ารายใหม่ คือ พานาโซนิค ซึ่งจะทยอยสั่งซื้อตั้งแต่ปี 52 ไปเรื่อย ๆ ตามความต้องการ แต่ในปีนี้จะเป็นออเดอร์จากงานแม่พิมพ์ 10 ล้านบาท และงานชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าเดือนละ 6-8 แสนชิ้น ซึ่งจะเริ่มผลิตเดือนต.ค.นี้ รวมทั้งยังมีลูกค้ารายใหม่ที่อยู่ระหว่างเจรจาเพิ่มเติมด้วย
"เท่าที่เราดู เหมือนว่ายอดออเดอร์ในครึ่งปีหลังจะดีขึ้น แต่เราก็ไม่อยากผลีผลามในการผลิตเพราะเรายังเห็นสัญญาณความไม่สมดุลของยอดขายผลิตกับยอดขายโดยรวม ขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์โดยรวมในปีนี้ก็น่าจะลดลงมาอยู่ที่ 1 ล้านคัน จาก 1.4 ล้านคันในปีก่อน เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามโฟกัสไปยังธุรกิจที่จะสร้าง value และ gross margin เพิ่มขึ้น ซึ่งห้องพ่นสีชิ้นส่วนแบบ Clean Room จะช่วยเราได้มาก"นายนฤพนธ์ กล่าว