IRP เลื่อนเปิด รง.ใหม่ในสหรัฐ 2 เดือน ไม่กระทบเป้าปริมาณขายปีนี้โต 25%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 21, 2009 11:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินโดรามา โพลีเมอร์ส (IRP) เปิดเผยว่า บริษัทได้เลื่อนแผนการเปิดโรงงานผลิตขวด PET แห่งใหม่ที่สหรัฐไปอีก 2 เดือน เนื่องจากมีการปรับปรุงเทคโนโลยีในการผลิตใหม่ โดยสายการผลิตที่ 1 เดิมคาดว่าจะเปิดได้ในเดือน ก.ค. เลื่อนไปเป็นเดือน ก.ย. และสายการผลิตที่ 2 จากเดิมคาดเปิดในเดือ ก.ย.ก็จะเลื่อนไปเป็นเดือน พ.ย.

สำหรับโรงงานแห่งใหม่ที่สหรัฐ มีงบลงทุน 182 ล้านเหรียญสหรัฐ กำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการ 2 ปี ซึ่งจะบันทึกมูลค่าการลงทุนตั้งแต่ปี 52

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรงงานจะเปิดได้ล่าช้า แต่บริษัทก็มีแผนรองรับโดยจะให้ บมจ.อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรี้ส์ (IPI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยผลิตขวด PET ให้จำนวน 9 หมื่นตันในไตรมาส 4/52 และในปี 53 บริษัทคาดว่าจะมีกำลังการผลิตขวด PET เพิ่มเป็น 1.5 ล้านตัน จากปีนี้ที่ 1 ล้านตัน

ซีอีโอ IRP กล่าวอีกว่า แม้ว่าความล่าช้าของโรงงานใหม่ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตในช่วงไตรมาส 3/52 เล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายปริมาณการขายที่ 1.05 ล้านตันในปีนี้ เติบโตจากปีก่อน 25% และคงยอดขายที่ 4.7 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 4.1 หมื่นล้านบาท

แต่ในช่วงไตรมาส 3/52 ผลประกอบการของบริษัทอาจจะต่ำกว่าไตรมส 2/52 เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นตามปกติ และสเปรดของผลิตภัณฑ์ที่แคบลง

"ไตรมาส 3 ปีนี้ สเปรดเริ่มแคบลงประกอบกับเป็นช่วง Low season อาจจะส่งผลให้ยอดขายลดลง แต่เราก็พยายามผลักดันวอลุ่มให้เพิ่มมากขึ้น แต่ทั้งปี ปีนี้เรายังคงประมาณการยอดขายและปริมาณการขายเช่นเดิม" นายดีลิป กล่าว

ขณะที่บริษัทมีเป้าหมายจะรักษาอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ที่ระดับ 5.4% เท่ากับช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 3.8% เนื่องจากบริษัทยังมียอดขายที่เติบโตต่อเนื่องทั้งในจีน อินเดีย และไทย แม้ว่าตลาดสหรัฐและยุโรปจะทรงตัวจากปีก่อน แต่เชื่อว่าในปี 53 ความต้องการใช้ขวด PET ในโลกจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐและยุโรป จะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตัน

นายดีลิป กล่าวว่า ขณะนี้ส่วนแบ่งการตลาดของ IRP ในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีโรงงานบางแห่งในอเมริกาเหนือและยุโรปปิดกิจการลง ขณะที่ความต้องการใช้ขวด PET ในปีนี้ยังมีอัตราการเติบโตมากกว่า 3% และคาดว่าจะเพิ่มเพิ่ม 5-6% ในปี 53 จากปัจจัยความต้องการของประเทศที่มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างบราซิล รัสเซีย อินเดีย และ จีน ขณะที่ IPI มีความสามารถในการแข่งขันสูง เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าคู่แข่ง

"เชื่อว่าปี 53 จะเป็นอีกปีที่ IRP เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามากว่า 5 แสนตัน และเชื่อว่า ตลาดยุโรป และสหรัฐ จะกลับมาเติบโตอีกครั้งหลังจากปี 52 ทรงตัว"นายดีลิป กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ