บมจ.จีเอฟพีที(GFPT) คาดว่ากำไรในไตรมาส 3/52 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 2/52 เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นและบริษัทสามารถปรับราคาขายสูงขึ้นได้ แต่ทั้งปี 52 กำไรก็อาจจะลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน จากผลกระทบเงินบาทแข็งค่า แม้ว่าในแง่ของรายได้จะเติบโตได้ประมาณ 10-13% ส่วนในปี 53 รายได้จะเติบโตเกินกว่า 10% จากกำลังผลิตไก่แปรรูปและอาหารสัตว์บกเพิ่มขึ้น
"ไตรมาส 3 เราคิดว่ากำไรดีกว่าไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้นมาจากไตรมาสแรกที่แย่มาก ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีคำสั่งซื้อมาก และมีโอกาสปรับราคาได้แต่ไม่มาก ประมาณ 100-200 เหรียญ/ตัน และช่วงนี้ราคาข้าวโพดที่เป็นวัตถุดิบราคาดลลง เพราะผลผลิตใหม่เริ่มออกมาแล้ว" นพ.อนันต์ ศิริมงคลเกษม ประธานกรรมการบริหาร GFPT กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร GFPT กล่าวว่า จากการส่งออกไก่แปรรูปที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้บริษัทคาดว่าทั้งปีจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10-13% จากปีก่อนที่มีรายได้ 10,996 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น 10% แต่กำไรสุทธิคาดว่าจะลดลงเล็กน้อย ตามมาร์จิ้นที่ลดลงจาก 15% ในปีก่อน โดยในครึ่งปีแรกทำได้ 13%
แต่บริษัทยังคาดหวังว่าจะพยายามทำมาร์จิ้นให้ใกล้เคียงปีก่อน เหตุผลสำคัญ คือ ราคาขายในปีนี้ปรับตัวลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 3.5-4 พัน เหรียญ/ตัน จาก 4 -4.5 เหรียญ/ตัน เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับ เงินบาทแข็งค่าอยู่ในระดับ 34 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ปีก่อน 35-36 บาท/ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี น.พ.อนันต์ คาดว่า ในปี 53 รายได้บริษัทจะเติบโตเกินกว่า 10% จากปกติที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% เนื่องจากบริษัทมีกำลังการผลิตไก่แปรรูปเพิ่มขึ้นอีก 30% ในเดือน เม.ย.-พ.ค.53 จากปัจจุบันที่ผลิตที่ 2 พันตัน/เดือน และมีกำลังการผลิตจากอาหารสัตว์บก เพิ่มอีก 50%
"ปี 53 เชื่อว่าเราจะโตเกินกว่า 10% แต่จะเป็นเท่าไรขึ้นกับราคาขาย และฝ่ายขายทำได้เท่าไร" นพ.อนันต์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากส่งออกไก่แปรรูป 25%