(เพิ่มเติม) SYNEXปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 52 เป็นโต 8%จากเดิมคาด 5%,กำไรสูงกว่าปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 24, 2009 11:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการและซีอีโอ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย)(SYNEX) ปรับเพิ่มเป้ารายได้ในปี 52 มาเป็นเติบโต 8%เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 1.15 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 5% เนื่องจากบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)เพิ่มขึ้น โดยสินค้าฮาร์ดแวร์มีมาร์เก็ตแชร์สูงกว่า 20% จากเดิมอยู่ต่ำกว่า 20% เนื่องจากคู่แข่งมีปัญหาด้านการขายทำให้ลูกค้าหันมาติดต่อซื้อสินค้าจากบริษัทเพิ่มขึ้น

พร้อมกันนั้น บริษัทยังเชื่อว่าจะมีกำไรสูงกว่าปีก่อนที่มีกไร 120 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกบริษัททำกำไรไปได้แล้วกว่า 90 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงเหลือ 3.5% จาก 3.7% โดยเน้นลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านบุคลากรและการขาย ดังนั้น บริษัทจึงมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปีหลังได้ตามนโยบายที่จ่ายไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ หลังจากที่จ่ายปันผลระหว่างกาลในงวดครึ่งปีแรกไปแล้ว 0.08 บาท/หุ้น

"ปกติเราจ่ายปันผลแค่ปีละครั้ง แต่ปีนี้กำไรของบริษัทดีจึงมีการจ่ายปันผลระหว่างกาล และตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นที่ตั้งแต่ซื้อหุ้นของบริษัทมาราคาไม่ค่อยปรับเพิ่มเท่าไหร่นัก แต่รวมครั้งนี้เราปันผลไปแล้ว 20 สตางค์ตอ่หุ้น อยากให้เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกับนักลงทุน"นายสุพันธุ์ กล่าว

สำหรับการแก้ไขปัญหากรณีหุ้น SYNEX ที่ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวมากนั้น บริษัทก็จะเน้นการสร้างพื้นฐานที่ดี มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง และจ่ายปันผลในอัตราสูง เพื่อจงใจให้บรรดากองทุนเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ถืออยู่เกือบ 10% ก็หวังว่าจะสูงขึ้นอีก

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังว่า มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผลประกอบการในครึ่งปีแรก โดยส่วนหนึ่งมาจากในช่วงปลายปีถือเป็นฤดูการขายของสินค้าไอที ประกอบกับ ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริงด้วยการหันมาสนับสนุนด้านการเงินและสินเชื่อให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้น หลังจากพบว่าธนาคารเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้ลูกค้ามีโอกาสซื้อสินค้าจากบริษัทฯ เพิ่มมากขึ้น

บริษัทคาดว่าตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์(พีซี)ยังคงเติบโตจากที่คาดการณ์ว่าจะหดตัว เนื่องจากส่วนราชการมีการปรับเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมาก และแม้ว่าตลาดรวมสินค้าไอทียังติดลบจากปีก่อนประมาณ 5% จากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่ตลาดโน๊ตบุ๊คเติบโตอย่างมาก ทำให้บริษัทมียอดจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับ คู่แข่งรายใหญ่จากที่มี 5 ราย ลดเหลือแค่ 2 ราย และบริษัทก็มี exclusive brand เพิ่มขึ้น

รวมทั้ง จากการที่บริษัทเร่งเพิ่มยอดขายทำให้มีการจ่ายเครดิตให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 44 วัน จาก 42 วัน วงเงินปล่อยกู้ทั้งหมดประมาณ 1 พันล้านบาท ถือเป็นระดับที่เหมาะสมและควบคุมได้ โดยวางแผนเปิดสาขาปีนี้อีก 3-4 สาขา จากปัจจุบัน 16 สาขา ไม่ได้ใช้เงินจำนวนมาก ยังไม่มีนโยบายขยายสาขาต่างประเทศ จะเน้นทำให้ในประเทศเข้มแข็งก่อน

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้จัดจำหน่ายสินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นกว่าเดิมด้วย ประการสำคัญในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาถือว่าตลาดสินค้าโน้ตบุ๊คได้เติบโตขึ้นเป็นอย่างมากทำให้บริษัทฯ สามารถจัดจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น เมื่อรวมกับแผนการปรับลดต้นทุนที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าจะทำให้ผลประกอบการในครึ่งปีหลังออกมาในทิศทางที่ดีดังกล่าว

"ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/52 ที่เติบโตอย่างโดดเด่น เป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่ากลยุทธ์ที่เรานำมาใช้ขยายธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ โดยซินเน็คฯ สามารถเติบโตได้ท่ามกลางตลาดไอทีที่ติดลบถึง 5% ผลักดันให้กำไรเติบโตได้อย่างโดดเด่นได้ถึงกว่า 34.73%"นายสุพันธุ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าธุรกิจที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 1/52 ทำให้ผลประกอบการในงวดครึ่งปีเติบโตได้ไม่สูงนัก แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยในครึ่งปีแรกซินเน็ค ฯ ยังเติบโตสวนกับตลาดไอทีที่ติดลบกว่า 5% ได้ทั้งรายได้และกำไร โดยในส่วนของรายได้เติบโตถึง 9% ในขณะที่กำไรสุทธิในงวดครึ่งปียังเติบโตได้กว่า 10.15%

ดังนั้น จึงเชื่อว่าในครึ่งปีหลังผลจากที่บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจหันมาสนับสนุนด้านการเงินให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น นำสินค้าใหม่เข้ามาจัดจำหน่ายเพิ่มเพื่อให้ฐานลูกค้าขยายตัวมากขึ้นกว่าเดิมจะทำให้ซินเน็คฯ สามารถผลักดันผลประกอบการให้เติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้ และได้ปรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ขึ้นจากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับ 5% จากปีก่อน มาเป็นเติบโตในระดับ 8% ถึงแม้ว่าตลาดไอทีจะยังหดตัวลดลงก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ