โบรกฯแนะ"ซื้อ"PTTCH มอง Q3/52 สเปรดยังสูงต่อเนื่อง คาดปี 53 กำไรเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 25, 2009 10:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ แนะนำ"ซื้อ"หรือ"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"หุ้น บมจ.ปตท.เคมิคอล(PTTCH) มองไตรมาส 3/52 สเปรดมาร์จิ้นยังทรงตัวในระดับสูง หลังจากซัพพลายใหม่ไม่ได้เพิ่มมากอย่างที่กังวลเพราะมีการเลื่อนออกไปบางโครงการ แต่ยังต้องระวังในไตรมาส 4/52 ที่อาจจะมีผลผลิตเข้ามาบางส่วน ส่วนปีหน้าสเปรดมาร์จิ้นก็ยังสูงต่อเนื่องแม้ว่าจะมีซัพพลายใหม่แต่ก็คงจะพอดีกับความต้องการของตลาดที่จะเข้ามามากขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ทำให้ประเมินกำไรสูงกว่าปีนี้

นอกจากนี้ ราคาหุ้นยังเทรดต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) โดยราคาวานนี้(24 ส.ค.)ปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 68.25 บาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ก่อนจะปรับลดลงมาปิดที่ 67.00 บาท

          โบรกเกอร์       คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.เอเซียพลัส      ซื้อ            91.56 (ปี 53)
          บล.ทิสโก้          ซื้อ            75.50
          บล.ทรินีตี้          ซื้อเมื่ออ่อนตัว    75.00
          บล.บีฟิท           ถือ            70.00
          บล.กิมเอ็ง         ขาย           47.00

นักวิเคราะห์จาก บล.ทรีนิตี้ มองว่า ราคาปิโตรเคมีดีขึ้นเกือบทุกตัว ยกเว้น MEG ที่ราคายังไม่ดีขึ้นมากนัก เป็นการพลิกสถานการณ์จากที่เคยมองว่าปลายปีนี้จะเป็นขาลง เป็นผลสืบเนื่องจากซัพพลายใหม่ที่จะเข้ามาในปีนี้ประมาณ 1 ล้านตันจากจีนและตะวันออกกลางได้เลื่อนออกไป เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ผู้ที่จะเข้ามาใหม่ก็คงไม่อยากเสี่ยง กลัวเข้ามาแล้วเจ็บตัว เลยกลายเป็นจุดเปลี่ยน

แต่ความกังวลเกี่ยวกับซัพพลายใหม่ยังไม่ได้หายไป เพียงแต่ลดลงไปได้บ้างในระยะนี้ โดยคาดว่าซัพพลายใหม่จะเข้ามาปีหน้า โดยคาดว่าจะมีโอเลฟินส์เข้าใหม่อีก 10 ล้านตัน จากไทย 2 ล้านตัน คือจาก PTTCH จำนวน 1 ล้านตัน และ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)จำนวน 1 ล้านตัน คาดว่าจะเข้ามาในไตรมาส 4/52 ส่วนจีน 4 ล้านตัน และตะวันออกกลาง 4 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตเพิ่มของ PTTCH จะแปรไปเป็นเม็ดพลาสติก ซึ่งจะทำให้ได้ราคาที่ดีขึ้น

"ราคาหุ้น PTTCH ค่อนข้างโอเค คือ Book Value ของเขายังค่อนข้างสูง และเมื่อเทียบกับ Regional ก็ไม่แพง เพราะ Book Value ปี 2009 อยู่ที่ 63 บาท แต่ราคาหุ้นตอนนี้อยู่ที่ 67 บาท หรือ 1.1 เท่า ก็ยังไม่ค่อยสูงมาก โดยที่ผ่านมาซื้อขายกันเทียบกับ Book Value ประมาณ 1.4 เท่า ซึ่ง Region นี้ก็เทรดประมาณเท่านี้ ก็ยังถือว่าโอเค ลงทุนได้ แต่ upside อาจจะมีน้อย แต่ถ้าดู Performance ยังไม่ค่อยดีขึ้นมาก แต่ปีหน้าเขาจะแข็งแรง คือผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว" นักวิเคราะห์ กล่าว

ทั้งนี้ ประเมินผลกำไรสุทธิในปีนี้ อยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท แต่ปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.6 พันล้านบาท

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า สถานการณ์ธุรกิจธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ยังสดใสต่อเนื่องในงวดครึ่งปีหลัง จากทั้งในส่วนของ Supply ใหม่ๆ ที่เลื่อนการผลิตเชิงพาณิชย์ออกไปเป็นปี 2553 และการปิดโรงงานอย่างถาวรของผู้ผลิตที่มีต้นทุนสูงตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปลายปี 51 ส่งผลให้ Supply บางส่วนหายไปจากตลาด ขณะที่ความต้องการใช้เริ่มกระเตื้องขึ้นโดยเฉพาะได้รับแรงผลักดันจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในจีนทำให้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น อาทิ เม็ดพลาสติก HDPE

ประกอบกับ การกลับมาสต๊อก Inventory เพิ่มขึ้นกลังจากใช้สต๊อกเก่าหมดลงไปแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนให้ Spread ราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบยังทรงตัวอยู่ได้ในช่วงครึ่งปีหลัง

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในปี 53 จะพบว่าปริมาณ Supply ใหม่ๆจะออกมาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯหลังจากเลื่อนการผลิตจากปี 52 ออกไป แต่แนวโน้มความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามความคาดหวังเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวทำให้คาดว่า Spread ของราคาผลิตภัณฑ์น่าจะยังทรงตัวระดับสูงต่อเนื่อง

จากทิศทาง Spread ราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 52-53 เช่นเดิม โดยคาดการณ์ Spread ในปี 2553 จะยังทรงตัวอยู่ได้ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยปี 52 แม้ว่าจะมี Supply ใหม่ทยอยเพิ่มขึ้นแต่คาดว่าจะสามารถหักล้างกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจได้เช่นกัน

บล.ทิสโก้ มองว่า ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ในไตรมาส 3/52 ของ PTTCH จะแข็งแกร่งเทียบไตรมาส 2/52 (QoQ) โดยผู้บริหารคาดว่าส่วนต่างโดยรวมของ PTTCH ในไตรมาส 3/52 จะสูงขึ้น QoQ ตรงข้ามกับประมาณการเดิมของตลาด

เนื่องจากอุปทานที่ตึงตัวจากแผนการซ่อมบำรุงในตะวันออกกลาง และการเริ่มเข้ามาของอุปทานใหม่ที่มีความล่าช้าจากตะวันออกกลางและเอเชีย ในมุมมองของเรา ผลประกอบการในไตรมาส 3/52 ของ PTTCH น่าจะสร้างความประหลาดใจในเชิงบวก ด้วยกำไรปกติที่โตขึ้น 25% QoQ

สำหรับไตรมาส 4/52 ผู้บริหารคาดว่าอัตรากำไรจากส่วนต่างจะลดลงเนื่องจากอุปทานของโลกที่กำลังจะเข้ามา นอกจากนี้ PTTCH มีแผนจะหยุดการผลิตสำหรับการเชื่อมต่อโรงงาน PTTPE ใหม่(เริ่มในกลางไตรมาส 4/52)แม้ว่าปริมาณขายจะลดลงจากการปิดโรงงาน แต่กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานใหม่ของบริษัทช่วยชดเชยการสูญเสียได้ เราคาดว่ากำไรปกติในไตรมาส 4/52 น่าจะลดลง 20% QoQ เนื่องจากอัตรากำไรที่ลดลง

ด้ายนายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่าครึ่งปีหลังราคาปิโตรเคมีชะลอตัว โดยเฉพาะปลายไตรมาส 3/52 จะเริ่มมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่ม โดยโอเลฟินส์ คาดว่าจะเข้ามาอีก 3.8 ล้านตัน ส่วนเม็ดพลาสติกเข้ามาอีก 3 ล้านตัน แต่ดีมานด์ยังไม่โต แม้ว่าที่ผ่านมาจีนมีความต้องการมาก ทำให้ราคาไม่ค่อยลดลง แต่ไตรมาส 3 ความต้องการเริ่มลดลง เพราะหมดฤดูกาลผลิต ซึ่งราคาเม็ดพลาสติกอาจจะชะลอตัว แต่ถึงราคาไม่ลง ราคาแนฟทาที่เป็นวัตถุดิบสูงขึ้นก็จะทำให้มาร์จิ้นแคบลง

ทั้งปี 52 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 5,288 ล้านบาท หรือ 3.53 บาทต่อหุ้น ลดลง 59% จากปีก่อน ส่วนปีหน้าดีมานด์ตลาดจะฟื้นตัว โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มเป็น 8,731 ล้านบาท หรือ 5.83 บาทต่อหุ้น

ธุรกิจของ PTTCH ผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้ และสเปรดมาร์จิ้นปีหน้าเริ่มดีชึ้น ขณะเดียวกันปีหน้าบริษัทมีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ใหม่อีก 1 ล้านตัน และเม็ดพลาสติกเพิ่มอีก 1 ล้านตัน ก็จะทำให้มีปริมาณขายเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ ราคาไม่จำเป็นต้องเพิ่ม สเปรดดีขึ้นก็ใช้ได้ ถ้าปีหน้าเม็ดพลาสติก สเปรดได้ 500 เหรียญ/ตันก็ดีแล้ว โดยปัจจุบันได้ 600-700 เหรียญ/ตัน

"ตอนนี้ราคาแพงไป P/E 18 เท่า แต่คนไปดู Book Value อยู่ที่ 64 บาท (ณ สิ้นปี 51) คนเห็นว่ายังต่ำกว่าBook Value ก็เข้าไปซื้อ...แต่ผมดูจาก Eanrning(กำไรสุทธิ)"นายกิตติชาญ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ