นางสาวชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทย เอ็น ดี ที (TNDT) เปิดเผยถึงทิศทางผลประกอบการในครึ่งปีหลังว่ามีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากในไตรมาสที่ 2-3 ของปี ถือเป็นช่วง high season ของธุรกิจตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย (Nondestructive Testing - NDT) ซึ่งจะเห็นได้จากไตรมาสที่สองของปีบริษัทฯ มีผลประกอบการที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเชื่อว่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตโดดเด่นต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสที่ 3 ของปีได้ หลังจากที่ทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่กว่า 200 ล้านบาท อย่างต่อเนื่อง และเข้าร่วมประมูลงานใหม่เพื่อรักษา Backlog ในมือให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อผลักดันให้รายได้ทั้งปีเติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้
TNDT รายงานประกอบการงวด 6 เดือนมีรายได้รวม 129.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2551 ที่ทำได้ 117.39 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิวด 6 เดือนทำกำไรสุทธิได้ 23.44 ล้านบาท หรือ 0.23 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 21.44 ล้านบาท หรือ 0.21 บาท/หุ้น
"ไตรมาสที่ 3 ของปีมั่นใจว่าผลประกอบการของเรายังเติบโตโดดเด่นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 และในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเรายังทยอยรับรู้รายได้จากงานในมืออย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็มีงานใหม่เข้ามาเพิ่ม ซึ่งบางงานก็เริ่มรับรู้รายได้ทันทีต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า และบางงานก็รอรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ส่งผลให้แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังยังมีทิศทางที่ดี เพราะเรายังได้งานใหม่เข้ามาเพิ่มจนสามารถรักษาระดับงานในมือให้คงอยู่ในที่เหมาะสมได้ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดรายได้รับรู้ทั้งปีทะลุ 300 ล้านบาท หรือขยายตัว 20% จากปี 2551 ที่มีรายได้อยู่ที่ 250 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ โดยล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 บริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้เป็นรายได้ทั้งสิ้น 170 ล้านบาท" นางสาวชมเดือนกล่าว
นอกจากนั้น บริษัทฯยังมีแผนจะขยายธุรกิจการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย ออกสู่ตลาดต่างประเทศอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมทั้งจะเพิ่มน้ำหนักการขยายงานด้านการตรวจด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง (Advanced Technology) ให้มากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่ผ่านมาลูกค้ายอมรับผลงานของบริษัทฯเป็นอย่างดี และบริษัทฯ มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและเครื่องมือในการตรวจสอบ โดยในส่วนของงานต่างประเทศในช่วงแรกคงจะขยายงานไปพร้อมกับลูกค้าเดิมที่ออกไปทำงานต่างประเทศ และหากมีโอกาสจะขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางขึ้นในอนาคต โดยในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 5% จากปัจจุบันที่ 2-3%
อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่3/2552 ในวันที่ 11 สิงหาคม 2552 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 10 กันยายน 2552