นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า บริษัทมีแผนให้ธุรกิจก๊าซและน้ำมันดำเนินการระบบ Supply Chain Management หลังจากที่สายธุรกิจโพลีเมอร์ได้ดำเนินการและเห็นผลทั้งในแง่การลดต้นทุนและการวางแผนการผลิต โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มได้ในปี 53 และภายในอีก 2-3 ปีบริษัทในเครือจะมีการเชื่อมต่อระบบ Supply Chain ครบทั้งหมด ซึ่งน่าจะใช้เงินลงทุนไม่มากนักระดับไม่กี่ร้อยล้านบาท
ทั้งนี้ ธุรกิจน้ำมันมีแผนจะต่อท่อจากโรงกลั่นไปสู่ลูกค้า ส่วนธุรกิจก๊าซก็ต่อท่อจากผู้ผลิตไปถึงลูกค้าและโรงไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดจะช่วยลดต้นทุนการผลิต การขนส่ง นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องการวางแผนการผลิต การลดสินค้าคงคลัง และลดความสูญเสีย
"เราจะทำ Supply Chain ในธุรกิจก๊าซและน้ำมันต่อไป ก็จะทำให้เราสามารถขายของได้เร็วขึ้น มากขึ้น และผลิตได้ตามความต้องการของลูกค้า โดยทั้งผู้ผลิตและลูกค้าก็มีข้อมูลเป็นเรียลไทม์"นายประเสริฐ กล่าว
ทั้งนี้ ปตท.วางเป้าหมายว่าใน 5 ปีข้างหน้าจะติดอันดับ 1 ใน 100 ของนิตยสารฟอร์จูน จากปีที่ผ่านมาอยู่อันดับที่ 118 ด้วยกำไร 6 หมื่นล้านบาท
ด้านนายวีระศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท.เคมิคอล (PTTCH) กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับบริษัทในกลุ่มปิโตรเคมีและการกลั่นในเครือ ปตท. 4 แห่งในการทำระบบ Supply Chain ซึ่งบริษัทได้ลงทุนไป 100 ล้านบาทในปี 50 และสามารถคืนทุนได้ในปี 51 และยังสามารถลดต้นทุนการขนส่งเหลือ 5%ของต้นทุนรวม และมีผลตอบแทนด้านอื่นอีก ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยปีนี้เป็นครั้งแรกที่กลุ่มโพลีเมอร์ทำระบบ Supply Chain รวมกำลังการผลิต 5 แสนตัน และปีหน้าจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1.5 ล้านตันเข้ามาในระบบ และในปี 54 จะดึงธุรกิจปลายน้ำเข้ามาอีก 7 แสนตัน รวมเป็น 2.2 ล้านตัน