นางสาวชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทย เอ็น ดี ที (TNDT)คาดว่า กำไรสุทธิปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 50.79 ล้านบาท เนื่องจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) ซึ่งจะเริ่มใช้ในไตรมาส 3/52 ประกอบกับบริษัทมีงานในมือ(Backlog)เตรียมจะรับรู้รายได้แล้ว 174.5 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจสอบพิเศษที่มีอัตรากำไร(มาร์จิน)สูง
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่มาจากการบริการและการวิเคราะห์ผลการตรวจสอบด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงมากขึ้น ซึ่งขณะนี้งานตรวจสอบในตลาดก็มีมากขึ้น อีกทั้งบริษัทจะเข้าไปเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 5% ใน 1-2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่ 2-3%
"ยอดรายได้รับรู้ทั้งปีทะลุ 300 ล้านบาท หรือขยายตัว 20% จากปี 51 ที่มีรายได้อยู่ที่ 250 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ โดยล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 บริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้เป็นรายได้ทั้งสิ้น 170 ล้านบาท" นางสาวชมเดือน กล่าว
สำหรับทิศทางผลประกอบการครึ่งปีหลังของปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากในไตรมาส 2-3 ของปี ถือเป็นช่วง high season ของธุรกิจตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย(Nondestructive Testing-NDT) ซึ่งจะเห็นได้จากไตรมาส 2/52 บริษัทฯ มีผลประกอบการที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
และเชื่อว่าจะสนับสนุนให้บริษัทฯ เติบโตโดดเด่นต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาส 3/52 หลังจากที่ทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog อย่างต่อเนื่อง และเข้าร่วมประมูลงานใหม่เพื่อรักษา Backlog ในมือให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อผลักดันให้รายได้ทั้งปีเติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้
TNDT งวด 6 เดือนมีรายได้รวม 129.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 51 ที่ทำได้ 117.39 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิวด 6 เดือนทำกำไรสุทธิได้ 23.44 ล้านบาท หรือ 0.23 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 21.44 ล้านบาท หรือ 0.21 บาท/หุ้น
"ไตรมาสที่ 3 ของปีมั่นใจว่าผลประกอบการของเรายังเติบโตโดดเด่นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 และในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเรายังทยอยรับรู้รายได้จากงานในมืออย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็มีงานใหม่เข้ามาเพิ่ม ซึ่งบางงานก็เริ่มรับรู้รายได้ทันทีต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า และบางงานก็รอรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ส่งผลให้แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังยังมีทิศทางที่ดี เพราะเรายังได้งานใหม่เข้ามาเพิ่มจนสามารถรักษาระดับงานในมือให้คงอยู่ในที่เหมาะสมได้"นางสาวชมเดือน กล่าว
ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังมีแผนจะรับบุคลากรเพิ่ม 20-30 ราย จากปัจจุบันที่มี 300 ราย เพื่อรองรับกับปริมาณงานที่มากขึ้น
สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างประมูลในครึ่งปีหลัง 290 ล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลภายในไตรมาส 4/52 บริษัทหวังว่าจะได้รับงานทั้งหมด โดยเป็นโครงการตรวจสอบความปลอดภัย 150 ล้านบาท, โครงการแหล่งก๊าซธรรมชาต 25 ล้านบาท, Power Plant 3 โครงการ มูลค่ารวม 35 ล้านบาท, ปิโตรเคมี 3 โครงการ 25 ล้านบาท, Oil&Gas 25 ล้านบาท และโครงการที่มีขนาดใหญ่อีก 2 โครงการ มูลค่า 30 ล้านบาท
"ธุรกิจของเราถือว่าเป็นธุรกิจเฉพาะทางที่ตอนนี้ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นมากขึ้น จึงทำให้เราเชื่อว่าจะได้รับงานที่ไปประมูล ขณะที่บางรายก็หันมาใช้บริการของเรา และการที่เรามี Backlog ปี 52-55 ที่ตุนอยู่แล้ว 462.5 ล้านบาท จึงทำให้เราไม่กังวล ซึ่งยังไม่รวมงานใหม่ที่จะเข้าไปประมูลเพิ่มต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีงานหลายโครงการที่เลื่อนออกไปจากความไม่เสถียรของภาครัฐ แต่เชื่อว่าเมื่อความเชื่อมั่นกลับมางานก็จะกลับมา" นางสาวชมเดือน กล่าว