นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง(NCH)เปิดเผย"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่าจะมีการพัฒนาโครงการใหม่ 1 โครงการในไตรมาส 4/52 หลังจากเห็นว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะยอดขายของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทใช้เวลาประเมินสถานการณ์ประมาณ 3 เดือน( มิ.ย-ส.ค.52) ขณะที่แผนเดิมบริษัทคาดว่าจะงดเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ แต่จะเน้นขยายโครงการเดิมในเฟสต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นมาก แต่ก็จะต้องประเมินสถานการณ์อย่างอื่นควบคู่ไปด้วยก่อนจะตัดสินใจ ทั้งในด้านภาพรวมภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ และการเมือง เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
นายสมเชาว์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการรักษาสภาพคล่องและการบริหารต้นทุนภายใต้สภาวะเศรษฐกิจ การเมืองที่ผันผวน โดยที่ผ่านมาได้ปรับรูปแบบการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งการซื้อที่ดินที่จะพัฒนาทันทีเพื่อไม่ให้เงินจม ทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลง
พร้อมทั้ง เน้นการสร้างโครงการให้เพียงพอขาย หรือ ปรับขนาดโครงการลดลงเหลือไม่เกิน 20 ไร่ จากเดิม 50 ไร่ เพื่อให้สามารถปิดการขายได้เร็วขึ้น การควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพไม่ให้เกิดการสูญเสีย รวมทั้งการระบายสต็อคที่มีอยู่ประมาณ 2 พันล้านบาท
ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าจะส่งผลต่อกำไรในปีนี้ที่จะมาเป็นบวกจากปีก่อนที่ขาดทุน 45.8 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทก็สามารถทำกำไรได้แล้วประมาณ 47.2 ล้านบาท
"ตอนนี้เป็นจังหวะในการที่จะต้องหันมาบริหารสภาพคล่องไม่ให้เพิ่มขึ้น หรือลงทุนแล้วไม่ให้เงินจมภายใต้สภาวะเศรษฐกิจ การเมืองที่มีความไม่แน่นอนต้องเข้มงวด แต่ในขณะเดียวกันการมีโปรโมชั่นก็สำคัญในการกระตุ้นดีที่เราเป็นบ้านสร้างก่อนขายทำให้เราสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ไม่ให้สูงและก็จะทำให้ GP ปรับดีขึ้น " นายสมเชาว์กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทจะพยายามรักษารายได้ในปีนี้ให้เป็นไปตามที่วางไว้ที่ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 779 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้สภาพคล่องก็ดีขึ้นค่อนข้างมาก รวมทั้งภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์มีทิศทางที่ดีขึ้นจึงเชื่อว่าในไตรมาส 3-4 ปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนที่ผ่านมา โดยปัจจุบันบริษัทฯมีที่ดินที่รอการพัฒนา(Land Bank) มูลค่าประมาณ 2-3 พันล้านบาทรองรับโครงการในอนาคต
ในส่วนของราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ นายสมเชาว์ กล่าวว่า น่าจะเป็นเพราะเกิดจากการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนหลังจากที่ผลประกอบการ 6 เดือนกลับมามีกำไรแล้วจากที่ขาดทุน รวมทั้งแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ที่มีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น