(เพิ่มเติม) MODERN ปรับลดเป้ารายได้ปี 52 เหลือ 2.5-2.6 พันลบ.,คาดกำไรต่ำกว่าปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 26, 2009 15:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป(MODERN)ปรับลดเป้ารายได้ในปี 52 ลงเหลือ 2.5-2.6 พันล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 3 พันล้านบาท เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจหดตัว ทำให้ลูกค้าชะลอส่งมอบงาน และการแข่งขันที่มีความรุนแรง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้กำไรของบริษัทในปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 283 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไร 383 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)หดตัวมาที่ 36% จาก 37-38% ในปี 51 แต่ก็ยังเชื่อว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการของปีนี้ได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีโครงการที่จะเข้าซื้อกิจการหรือควบรวมกับบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อต่อยอดธุรกิจ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับหลายราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีหน้า

อนึ่ง MODERN ไตรมาส 2/52 มีกำไรสุทธิ 58 ล้านบาท ลดลง 38% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/51

นายทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร MODERN ยอมรับว่า รายได้ในปีนี้คงจะลดลงมาอยู่ที่ 2.5-2.6 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้กว่า 2.8 พันล้านบาท โดยเห็นสัญญาณการปรับลดลงในช่วงไตรมาส 2/52 สอดคล้องกับคาดการณ์กำไรปีนี้จะปรับลดลงมาที่ 283 ล้านบาท เพราะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว

แต่มองว่าสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกที่ชะลอตัว เนื่องจากสัญญานการสั่งซื้อสินค้า โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์บ้านที่ได้จากผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เร่งเพื่อให้ทันกับมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่จะสิ้นสุดในเดือน มี.ค.53 ประกอบกับ การได้รับงานใหม่เข้ามาเพิ่ม Backlog ที่มีอยู่ 670 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลัง 52 ประมาณ 70% ซึ่งถือว่า Backlog ดังกล่าวค่อนข้างสูงจากปีก่อนที่มีเพียง 400 ล้านบาทเท่านั้น

"ในครึ่งปีแรกลูกค้าชะลอการสั่งซื้อสินค้าออกไปเยอะไปสมควร เพราะเศรษฐกิจชะลอ เข้าใจได้ใครจะมาสั่งเรา อย่างส่งออกนี่เห็นได้ชัดโดยเฉพาะลูกค้าในแถบตะวันออกกลาง อินเดียซึ่งน่าจะทำให้สัดส่วนส่งออกเราปีนี้ลดลง มาอยู่ที่ 2-3% จากเดิมที่ 4-5% แต่ก็ไม่น่ากังวลเพราะเรายังมีออเดอร์ในแถบเอเชียชดเชยได้" นายทักษะ กล่าว

นายทักษะ กล่าวต่อว่า จากผลกระทบดังกล่าวส่งผลให้การสร้างรายได้ในครึ่งปีแรกปีนี้ที่มาจากบริษัทมีสัดส่วนลดลงเหลือ 45% จากเดิมมีสัดส่วน 70% ขณะที่รายได้ที่มาจากบริษัทในเครือที่เข้าถือหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเป็น 55% จาก 30% แต่พอจบสิ้นปีนี้เชื่อว่าสัดส่วนที่มาบริษัทจะกลับมาเนื่องจากการออกสินค้าใหม่ ได้แก่ "ประตูสำเร็จรูป"ในช่วงเดือนพ.ย. พร้อมกับการเปิดโชว์รูม Cystal Design Center ซึ่งจะกระตุ้นกำลังซื้อกลับมา นอกจากนี้เชื่อว่าจะกลับมาสู่สภาวะปกติได้ในปี 2553

สำหรับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในการดำเนินธุรกิจอาจจะส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 36% จากปี 51 ที่อัตรากำไรขั้นต้น 37-38% แต่อย่างไรก็ดี คาดว่าในปี 53 Gross Profit Margin น่าจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 36.5-37% และแม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้น รวมทั้งกำไรในปีนี้ที่อาจจะลดลง แต่ก็เชื่อว่ายังสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ เพราะบริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนค่อนข้างสูง สภาพคล่องทางการเงินแข็งแกร่ง รวมถึง D/E อยู่ที่ 0.2 เท่า และที่ผ่านมาก็จ่ายปันผลสม่ำเสมอทุกๆปี

อย่างไรก็ตาม แม้จะเชื่อว่าทุกอย่างจะกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้นได้นั้นแต่ก็ต้องระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจ แต่การมองหาธุรกิจรูปแบบใหม่ก็ถือว่าจำเป็นในการสร้างรายได้ในอนาคต โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าไปลงทุนในรูปแบบ M&A กับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีการเจรจาอยู่หลายรายโดยเบื้องต้นคาดว่าจะเห็นธุรกิจใหม่ได้ภายในปีหน้า

ส่วนแหล่งเงินทุนคงขึ้นอยู่กับขนาด ซึ่งหากไม่ใหญ่ก็สามารถกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์มาลงทุนได้โดย แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน เพราะต้องพิจารณาต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ