นายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการ บมจ.อสมท.(MCOT) เปิดเผยหลังการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันนี้ว่า ทางอสมท.จะเรียกให้ผู้บริหาร ของ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของทรูวิชั่นส์ และ บมจ.บีอีซี เวิล์ด (BEC) หรือ ช่อง 3 เข้ามาพูดคุยถึงสัญญาสัมปทานใหม่ในช่วงสัปดาห์หน้า โดยขณะนี้ ได้มีความคืบหน้าบ้างแล้วจากกการที่บริษัทได้ส่งจดหมายชี้แจงไปยังช่อง 3 ว่าสัญญาสัมปทานจะไม่ได้รับการต่ออายุโดยอัตโนมัติ ตามที่ช่อง 3 เข้าใจ และได้มีการเสนอมูลค่าสัญญาสัมปทานใหม่ที่เหมาะสม แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากช่อง 3 และ คาดว่าทางช่อง 3 อยู่ระหว่างการทบทวนมูลค่าสัญญาสัมปทานที่เหมาะสมเช่นเดียวกัน
"เรื่องสัญญาสัมปทานเราควรต้องเข้ามาคุยกันหลังจากได้ส่งจดหมายชี้แจงไปที่ช่อง 3 เพื่อให้ทราบข้อติดขัดของแต่ละฝ่าย และมั่นใจว่ากรณีไม่ต่อสัญญาจะไม่เกิดขึ้น เพราะเราทำธุรกิจร่วมกันมาหลายสิบปี และไม่ได้เป็นคู่แข่งกัน แต่เป็นพันธมิตรต่อกัน และกลุ่มเป้าหมายผู้ชมก็ต่างกันชัดเจน" ประธานกรรมการ MCOT กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ทางช่อง 3 ยังไม่ได้ทำตามสัญญา ในหลายเรื่อง อาทิ การส่งมอบอุปกรณ์ตามสัญญา การใช้พื้นที่ของช่อง 3 ร่วมกับอสมท. ก็ยังมีปัญหา แต่เชื่อมั่นว่า ปัญหาทุกอย่างจะสรุปได้ก่อนที่อายุสัญญาจะหมดลงในเดือน มี.ค. 53
ส่วนกรณีทรูวิชั่นส์ นายสุรพล กล่าวว่า อสมท.ก็ต้องมาทบทวนส่วนแบ่งรายได้ของทรูวิชั่นส์ ที่ให้กับอสมท. หลังจากที่ ทรูวิชั่นส์ สามารถมีโฆษณาได้ และต้องมาตกลงกรณีที่ทรูวิชั่นส์ เพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ ว่า อสมท.ได้รับผลเสียหายอะไรบ้าง จากเดิม ที่ทางทรูวิชั่นส์ ยื่นข้อเสนอให้ค่าชดเชย 79 ล้านบาท โดยเป็นรูปแบบการให้หุ้น บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ( ที่เป็นบริษัทแม่ แต่เหตุการณ์ผ่านมาหลายปี อสมท.ยังไม่เคยได้รับค่าชดเชยใดๆ ดังนั้นมูลค่าชดเชยควรจะมากกว่า 79 ล้านบาท ซึ่งอย่างน้อยก็ต้องมีดอกเบี้ย
*พรุ่งนี้เซันสัญญาจ้าง"ธนวัฒน์"เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่
สำหรับการเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผุ้อำนวยการใหญ่คนใหม่ ของนายธนวัฒน์ วันสม นั้น นายสุรพล กล่าวว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติเป็นเอกฉันท์ หลังจากนี้ คณะกรรมการบริษัทจะเรียกนายธนวัฒน์ มาลงนามสัญญาว้าจ้างในวันพรุ่งนี้ และจะเริ่มเข้าทำงานในสัปดาห์หน้า
โดยสัญญาว่าจ้างมีอายุ 4 ปี แต่จะมีการประเมินผลงานทุก 6 เดือน โดย KPI มีข้อกำหนดชัดเจนในการประเมินผลว่า กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ต้องผ่านการประเมินผลไม่น้อยกว่า 70% หากน้อยกว่านี้ ให้พ้นจากตำแหน่ง และหากการประเมินผลอยู่ระหว่าง 70-80% ก็ให้โอกาสปรับปรุงผลงาน
นายสุรพล กล่าวว่า งานแรกของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จะเน้นการแก้ปัญหาองค์กรที่ยังคงความเป็นรัฐวิสาหกิจที่ทำงานล่าช้า และต้องผ่านหลายขั้นตอนกว่าจะอนุมัติงบประมาณ และเข้ามาดูแลลูกจ้างประจำที่มีจำนวนมากในอสมท. ให้มีความมั่นคงในหน้าที่และรายได้
และในวันที่ 3-5 ก.ย.นี้ ทางฝ่ายบริหารและพนักงาน อสมท.จะกำหนดยุทธศาสตร์ของอสมท.ใน 5 ปีข้างหน้าที่ชัดเจนร่วมกัน
สำหรับรายได้ของบริษัทในปีนี้ ทางคณะกรรมการบริษัท ยังคาดว่าจะสูงกว่าปีก่อน แม้ว่าธุรกิจวิทยุปีนี้จะไม่ค่อยดีตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ธุรกิจโทรทัศน์ยังเติบโต รวมทั้ง KPI มีการกำหนดให้กรรมการผู้อำนวยใหญ่คนใหม่ ทำรายได้และกำไรตามเป้าหมาย แต่คณะกรรมการบริษัท ก็ยังคำนึงถึงความเหมาะสมด้านภาวะเศรษฐกิจด้วย