บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) คาดว่า ปริมาณการเติมน้ำมันในปี 2553 น่าจะโตได้ 4% ตามจำนวนเที่ยวบินที่มากขึ้น และจากภาวะเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ดีขึ้น จากที่คาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันปีนี้จะลดลง 7% จากปีก่อน
ม.ร.ว.ศุภดิส ดิสกุล กรรมการผู้จัดการ BAFS คาดว่ารายได้ในไตรมาส 4/52 จะกลับมาดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/52 ทีเชื่อว่าลดลง หลังจากที่ปริมาณการเติมน้ำมันฟื้นตัวจากสายการบินที่เพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามจากผลกระทบในช่วงครึ่งปีแรกที่รายได้รับผลกระทบจากปริมาณการติมน้ำมันลดลงจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การเมืองที่มีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และ การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุใหม่ 2009 จึงทำให้บริษัทคาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันในปีนี้จะลดลลง 7% จากปีก่อน หรืออยู่ที่ 4,048 ล้านลิตร ลดลงจากปีก่อนที่มี 4,313 ล้านลิตร
ทั้งนี้ จากสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลังของธุรกิจการบิน รวมถึงจำนวนการยกเลิกเที่ยวบินน้อยลง โดยบริษัทเห็นสัญญาณดีขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าธุรกิจการบินน่าจะฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4 นี้ และจะกลับมาเป็นบวกในปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายในปี 53 ที่บริษัทคาดว่าปริมาณเติมน้ำมัน เพิ่มขึ้น 4%
"ปีนี้กำไรยังไม่ดีขึ้น แต่ปีหน้าน่าจะมีการปรับตัวทิศทางที่ดีขึ้นได้ จากสัญญาณการกลับมาของธุรกิจการบิน" กรรมการผู้จัดการ BAFS กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมจะเจรจากับสายการบินต้นทุนต่ำ เพื่อขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการเติมน้ำมัน เนื่องจาก จำนวนครั้งในการเติมน้ำมันมีจำนวนถี่กว่าสายการบินอื่น ทำให้ต้นทุนของ BAFS สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มขึ้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยาก เพราะทุกสายการบินได้รับผลกระทบเหมือนกัน
ขณะเดียวกันบริษัทจะพยายามปรับลดค่าใช้จ่าย ให้ลดลง โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาต่อเนื่อง ได้แก่ การลดเงินเดือนฝ่ายบริหาร ลดจ่ายเงินค่าล่วงเวลา ลดการประชุม โดยประเมินว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายการบริหารในปีนี้ได้ประมาณ 100 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายรวม โดยปีก่อนมีค่าใช้จ่ายการบริหารประมาณ 400 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการเจรจากับ บมจ.ท่าอกาศยานไทย (AOT) ในการขอยกเลิกการจ่ายน้ำมันผ่านท่อ ในสนามบินดอนเมือง เพราะปัจจุบันไม่ได้ใช้งาน หลังจากที่ย้ายเที่ยวบินไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามาถรลดค่าใช้จ่ายได้ซึ่งบริษัทจ่ายอยู่ 8 แสนบาทต่อเดือน
ส่วนการซื้อหุ้นคืน ในขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน เพราะว่า บริษัทยังไม่เมีเงินทุนเหลือพอ เพราะยังต้องมีภาระต้องจ่ายคืนเงินกู้กับสถาบันกาเรงินที่มีจำนวน 3-4 พันล้นบาท ซึ่งจะทยอยจ่ายตั้งแต่ปี 52 -58