ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ดีดตัวขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม หลังจากคลายความวิตกกังวลจากข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนวางแผนควบคุมภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดบวกเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีระมัดระวังก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลรายได้ส่วนบุคคลในวันศุกร์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 37.11 จุด หรือ 0.39% แตะที่ 9,580.63 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 2.86 จุด หรือ 0.28% แตะที่ 1,030.98 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 3.30 จุด หรือ 0.16% แตะที่ 2,027.73 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.16 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 8 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ 2.16 พันล้านหุ้น
ฟิล ออร์แลนโด นักวิเคราะห์จากบริษัท Federated Investors ในนิวยอร์ กล่าวกับเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนและวอลุ่มบางเบาตั้งแต่ช่วงเช้า เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลรายได้ส่วนบุคคลในวันศุกร์นี้ อย่างไรก็ตาม แรงซื้อหุ้นกลุ่มการเงินและการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ช่วยพยุงดาวโจนส์ปิดในแดนบวก
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลจากข่าวที่ว่าจีนวางแผนควบคุมภาคอุตสาหกรรม หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลแมน แซคส์ กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีนวางแผนใช้มาตรการควบคุมอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและซีเมนต์นั้น สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลจีนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับภาวะกำลังการผลิตส่วนเกิน (overcapacity) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ธนาคารพาณิชย์จีนปล่อยเงินกู้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้
"แผนการดังกล่าวถือเป็นข่าวในด้านบวก เพราะสะท้อนให้เห็นว่าคณะกรรมการกำกับนโยบายของจีนต้องการควบคุมการลงทุนไม่ให้ร้อนแรงเกินไป และยังสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลจีนเชื่อมั่นว่าจีนมีความพร้อมและแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกับวิกฤตการณ์ในภาคอุตสาหกรรมได้" เฮเลน เฉียว นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 หดตัว 1% ในไตรมาส 2 ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัว 1.5% โดยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ของสหรัฐสอดคล้องกับที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ "ระยะฟื้นตัว" แล้ว และคาดว่าจะกลับมาขยาตัวได้อีกครั้งในไม่ช้านี้ หลังจากเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงและถูกกระทบหนักสุดจากวิกฤตการณ์การเงิน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในศุกร์นี้ โดยกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ค. และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.
หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (เอไอจี) ดีดขึ้น 27% หุ้นซีไอที กรุ๊ป ปิดพุ่ง 22.8% และหุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดบวก 9.1% ส่วนหุ้นโบอิ้งปิดบวก 8.4% หลังจากบริษัท โบอิ้งยืนยันว่าเครื่องบินรุ่น 787 พร้อมสำหรับเที่ยวบินแรกในช่วงปลายปีนี้