บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก(EASTW) คาดว่า งวดปี 52 (สิ้นสุด ก.ย.) บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโต 15% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 571.49 ล้านบาท ขณะที่รายได้บริษัทยังคงเป้าหมายเติบโต 10-15% จากปีก่อน และคาดว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังได้มากกว่าครึ่งปีแรก ที่จ่าย 0.10 บาท นอกจากนี้บริษัทจะเข้าร่วมประมูลในประเทศอินแดีย มูลค่าโครงการ 500 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปีนี้
นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ EASTW กล่าวว่า รายได้ครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก 1.4 พันล้านบาท เนื่องจากอัตราการใช้น้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่จะ.ระยอง ปรับตัวสูงขึ้นเห็นได้ชัด เนื่องจากโรงงานปิโตรเคมีมีการเพิ่มกำลังการผลิต รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมอื่นด้วย ซึ่งเห็นสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4
"ปีนี้ คาดว่กำไรจะโตมากกว่า 15%จากการที่บริษัทปรับเพิ่มราคาค่าน้ำ แม้ว่าปริมาณขายน้ำจะลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 215 ล้านลูกบาศ์กเมตร ลดลงประมาณ 5% จากปีก่อน แต่เบื้องต้น มีสัญญาณที่ดีขึ้น ปริมาณการขายน้ำอาจจะลดลงจากปีก่อนแค่ 2-3% ซึ่งจะส่งผลรายได้และกำไรของบริษัท" นายประพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้คาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปีหลังได้สูงกว่าครึ่งปีแรกที่จ่ายไป 0.10 บาท เพราะผลประกอบการบริษัทดีขึ้น และความกังวลว่าจะต้องมีการสำรองเริ่มลดลง เนื่องจากทิศทางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกเริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น บริษัทจึงไม่จำเป็นต้องสำรองในจำนวนมาก
สำหรับการศึกษาการปรับเพิ่มขึ้นค่าน้ำ โดยให้บริษัท ไพร้สวอเตอร์เฮ้าส์ เป็นผู้ศึกษาราคาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนปัจจุบัน คาดว่าจะได้ผลการศึกษาในช่วงต้นปี 53 ซึ่งบริษัทได้ใช้เวลาการศึกษามาพอสมควร ซึ่งต้องมีการปรับเพิ่มขึ้น เชื่อว่าลูกค้าจะเข้าใจ ที่ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น และปัจจัยอื่นๆเปลี่ยนไป
นายประพันธ์ กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมงบลงทุนที่ 1.1 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการจัดการน้ำที่สมุย ,ที่ท่อส่งน้ำหนองปลาไหล มาบตาพุด เส้นที่ 3 และ โครงการที่ชลบุรี ซึ่งส่วนใหญ่แหล่งเงินมาจากสถาบันการเงิน
โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินกู้สถาบันการเงินจำนวน 2 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนลดภาระเงินกู้ โดยคาดว่าจะนำเงินที่คาดว่าจะได้รับชดเชยจากรัฐบาลในโครงการอ่างเก็บน้ำประแสร์ และ คลองใหญ่ ที่จะได้ประมาณ 1.6 พันล้านบาท หลังหักให้ผู้รับเหมา บริษัทจะได้รับเงินประมาณ 700 ล้านบาท โดยบริษัทกำลังตัดสินใจว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปใช้ลงทุน หรือ คืนชำระหนี้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนบริหารสินทรัพย์ทั้งอาคารอออฟฟิศ และที่ดิน เพื่อให้เกิดประโยชน์ ซึ่งมีแนวคิดนำออฟฟิศไปจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในปี 53
ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ นายประพันธ์ กล่าวว่า บริษัทจะเข้าประมูลงานในประเทศอินเดีย เมืองบังกะลอร์ มีมูลค่างานกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะร่วมกับพันธมิตรในประเทศ คาดว่าโครงการนี้จะประมูลงานภายในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะเปิดประมูลในช่วงเดือนส.ค.นี้
หากได้งานนี้ก็จะภือว่าเป็นโครงการแรกในต่างประเทศ แต่นักลงทุนไม่ต้องกังวล เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ลงทุนด้านบุคคลากร และความเชี่ยวชาญ ไม่ได้ลงทุนจำนวนมาก