ปัจจุบันมี Backlog อยู่ 2.5 พันล้านบาท งานเทรดดิ้ง 600 ล้านบาท งานโรงงาน 400 ล้านบาท รวมถึงการประมูลงานเพิ่มอีกประมาณ 1 พันล้านบาท โดยในส่วนของพลังงานลมที่เขาค้อ 60 เมกะวัตต์ (คาดว่าจะได้ IRR 15%) มูลค่า 1.3-1.4 พันล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ต้นเดือนพ.ย.นี้
ขณะที่โครงการพลังงานลมที่โคราช 6-7 โครงการมูลค่า 600-700 เมกะวัตต์ โดยจะทยอยเปิดเป็นเฟส เฟสแรก 90 เมกะวัตต์มูลค่างาน 2,000 ล้านบาท เริ่มต้นไตรมาส 2/53 ไปรับรู้ปี 54
นายประเดช กล่าวว่า ในส่วนของบริษัท ซัสเทนเอเบิล เอนเนอยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ SEC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยคาดว่าจะเห็นการลงทุน 240 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรสำหรับผลิตเสาขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบราคาระหว่างจีนกับเกาหลี ในขณะเดียวกันก็มีแผนที่จะเป็นผู้ผลิตเสาเองโดยทางซีเมนต์มีความสนใจที่จะเข้ามาร่วมทุนซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในช่วงปลายเดือนพ.ย.แต่อย่างไรก็ตามหากทางซีเมนต์ไม่ร่วมบริษัทก็พร้อมที่จะลงทุนได้ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม สำหรับในปีนี้กำไรคงจะลดลงกว่าปีก่อนเพราะบริษัทมีขาดทุนจากการสต็อกเหล็กในราคาที่สูงรวมถึงการรับคนเข้ามาเพิ่ม 70 รายเพื่อรองรับการผลิตในปีหน้า แต่การที่ปัจจุบันราคาเหล็กกลับมาปกติและยอดขายที่เพิ่มขึ้นและต่อเนื่องไปยังปีหน้าจึงทำให้เชื่อว่าในปีหน้าจะมีกำไร เพราะจากสัญญาณปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นในส่วนของภาครัฐและเอกชนโดยบริษัทอยู่ระหว่างการรอประกาศผลหลังจากยื่นประมูลไปแล้วและเตรียมเสนอราคาร่วม 6,322 ล้านบาท ในส่วนของครึ่งหลังปีนี้มีแนวโน้มของรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้นโดยมองว่ารายได้ในครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท จากครึ่งแรก 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นการทยอยรับรู้จาก Backlog และงานเล็กๆ น้อยๆ