ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 47.92 จุด หลังตลาดหุ้นจีนร่วงหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 1, 2009 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน หลังจากมีรายงานว่าทางการจีนจะควบคุมอัตราการปล่อยกู้และภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมส่งออกทั่วโลกด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานของสหรัฐเพื่อประเมินแนวโน้มทางเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 47.92 จุด หรือ 0.50% แตะที่ 9,496.28 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 8.31 จุดหรือ 0.81% แตะที่ 1,020.62 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 19.71 จุด หรือ 0.97% แตะที่ 2,009.06 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.38 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 11 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.33 พันล้านหุ้น

บลองซ์ แทนเกอร์สลีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Bay Crest Partners กล่าวกับเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาตั้งแต่ช่วงเช้าเพราะได้รับอิทธิพลจากการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน หลังจากสภาแห่งรัฐของจีนออกแถลงการณ์ว่า จีนกำลังศึกษามาตรการควบคุมภาวะกำลังการผลิตส่วนเกิน (overcapacity) ในภาคอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ รัฐบาลจะเพิ่มการควบคุมอุตสาหกรรมถ่านหิน พลังงาน ซีเมนต์ และเหล็กกล้า ซึ่งมาตรการควบคุมดังกล่าวรวมถึงการคุมเข้มเรื่องการเข้าถึงตลาด การกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อม และการควบคุมการใช้ที่ดินให้เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วเอเชียดิ่งลงด้วย

เจฟฟ์ แพ็พ นักวิเคราะห์จาก Oberweis Asset Management Inc ในรัฐอิลลินอยส์กล่าวว่า จีนมีเป้าหมายสกัดกั้นการลงทุนส่วนเกินในอุตสาหกรรมเหล็กและซีเมนต์ แต่เชื่อว่าจีนจะดำเนินการควบคุมอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในด้านลบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ จีนกำลังส่งสัญญาณว่าภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรมยังคงมีอยู่ ซึ่งหากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจโดยรวม

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐจะลดลง 230,000 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงน้อยที่สุดในรอบ 1 ปี และคาดว่าภาคการผลิตจะขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในสหรัฐกำลังจะสิ้นสุดลง

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่นักลงทุนจับตาดูในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค. และยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) เดือนก.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันอังคาร

วันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานประจำไตรมาส 2 และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ค. ส่วนในวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ