นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่กับธนาคารราว 3-4 ราย โดยเป็นการติดต่อผ่านสถาบันการเงินตัวแทนเข้ามา ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปการเข้ามาของพันธมิตรใหม่ก่อนสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ หาก รมว.คลัง ลงนามในหนังสือตอบกลับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินแล้ว ก็เชื่อว่ากองทุนฟื้นฟูฯ จะสามารถหาที่ปรึกษาทางการเงิน(FA)เพื่อขายหุ้น SCIB ภายใน 4-6 สัปดาห์ จากนั้นภายใน 6 สัปดาห์หองทุนฟื้นฟูฯ ก็น่าจะดำเนินการขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้ง 47.58% ได้ แต่ก็ต้องขึ้นกับผู้สนใจด้วย
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศที่มีกำลังซื้อมีทั้ง จีนและอินเดีย ซึ่งธนาคารมองโอกาสที่จะได้ know how จากพันธมิตรใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมรับการเปิดเสรีทางการเงิน ต่อยอดธุรกิจ รวมทั้งการพัฒนาด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และหากมีฐานลูกค้าเข้ามาด้วยก็ยิ่งดี สามารถต่อยอดกับฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิมได้ทันที
"หลังจากพันธมิตรใหม่เข้ามาถือหุ้น คงไม่ได้ทำให้นโยบายของแบงก์เปลี่ยนแปลง เพราะแบงก์ยังต้องดูแลผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เกือบ 53% อยู่"นายชัยวัฒน์ กล่าว
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าทางบมจ.ทุนธนชาต(TCAP)เป็นรายหนึ่งสนใจที่จะเข้ามาซื้อหุ้นจากกองทุนฟื้นฟูฯ นั้น ขณะนี้ TCAP เข้ามาถือหุ้นใน SCIB แล้ว 4.9% และหากรวมกับบมจ.เอ็มบีเค(MBK) ก็จะถือรวมกันเป็น 9% ขณะที่ทางโนวาสโกเทียแบงก์ ซึ่งถือหุ้นอยู่ในธนาคารธนชาต ก็เข้ามาถือหุ้นใน SCIB ผ่าน NVDR ประมาณ 4.9%
อนึ่ง ขณะนี้มูลค่าทางบัญชีของ SCIB ในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 19.30 บาท/หุ้น ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงไตรมาส 1/52 ซึ่งอยู่ที่ราว 19 บาท/หุ้น
นายชัยวัฒน์ เปิดเผยถึงการขายหนี้ด้อยคุณภาพ(NPL)ของธนาคารว่า อาจจะต้องเลื่อนออกไปเป็นต้นไตรมาส 4/52 จากเดิมวางแผนไว้ในไตรมาส 3/52 เพราะขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทำเรื่องเสนอให้ที่ปรึกษาฯ พิจารณา โดยคาดว่าจะนำออกขายราว 7 พันล้านบาทถึง 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 6 กอง ซึ่งจะกำหนดระยะเวลาการขายไม่ให้กระทบกับการตั้งสำรองของธนาคาร
ธนาคารคาดหวังว่าหลังจากขาย NPL ครบตามแผนงานดังกล่าวแล้ว จะทำให้สัดส่วน NPL ณ สิ้นปี 52 ลดลงเหลือประมาณ 5% จากปัจจุบันอยู่ในระดับ 8% ขณะที่ธนาคารมีเป้าหมายจะลด NPL ให้ต่ำกว่า 6% ภายในปีนี้