นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH) คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกำไร 3.43 พันล้านบาท แต่หากในช่วงครึ่งปีหลังการเมืองนิ่ง ผู้บริโภคก็จะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น อาจเป็นโอกาสให้บริษัททำกำไรมากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับใช้ซื้อที่ดินในปีหน้าที่ประมาณ 3-4 พันล้านบาทเท่าปีก่อน โดยจะหันไปซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพราะปัจจุบันบริษัทมีที่ดินสำหรับก่อสร้างบ้านเดี่ยวมากอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะลดสัดส่วนโครงการบ้านเดี่ยวให้เหลือ 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 70-80% และจะเพิ่มสัดส่วนของคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์เป็น 50% เนื่องจากว่าในอนาคตผู้บริโภคยังนิยมอยู่ในตัวเมือง และราคาที่ดินยังไม่มีแนวโน้มลดลง ผลจากการที่มีกฎหมายผังเมืองใหม่ออกมาทำให้การหาซื้อที่ดินยากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทก็พยายามปรับตัวทำให้บริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น งบโฆษณที่ได้ปรับลดลงมาเหลือ 2-3% โดยลดการโฆษณาทางทีวีและสื่อสิ่งพิมพ์ หันมาโฆษณาตามเว็บไซต์ ที่สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง
สำหรับสถานการณ์ทางการเมือง นายอนันต์ เชื่อว่า ภายในสิ้นปีนี้การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ น่าจะจบลง เนื่องจากเชื่อว่าประชาชนเริ่มจะเบื่อกับสถานการณ์และคิดว่าน่าจะมีการจบลงด้วยดี
ส่วนภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5-6% โดยบ้านจัดสรรในปีนี้คาดว่าจะอยู่ระดับ 6 หมื่นยูนิต แต่ปีหน้าคาดว่าธุรกิจจะกลับมาดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น แต่ไม่ใช่เป็นลักษณะ V Shape แต่ทุกคนตอนนี้กังวลว่า จะเป็นการปรับตัวในทิศทางขาลง
"ผมเชื่อว่ากีฬาสีภายในสิ้นปีนี้เลิกแน่ ขอให้การเมืองนิ่ง ความเชื่อมั่นก็จะกลับมา เศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นตัวเร็วมาก" นายอนันต์ กล่าว