นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) เปิดเผยว่า ในปีนี้รายได้ของบริษัทคงโตไม่ได้ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีแรก โดยรายได้ช่วงครึ่งปีแรกเติบโตเพียง 2.4%โดยเฉพาะโรงงานผลิตขวดแก้วและกระป๋องได้รับผลกระทบมากกว่าสินค้าอุปโภคบริโภค
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่า รายได้จะดีขึ้นจากคำสั่งซื้อที่ในช่วงเดือนก.ค. -ส.ค. เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น เริ่มเห็นทิศทางที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว
"แม้ว่ารายได้ปีนี้จะไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็ถือว่าพอใจที่มีอัตราการเติบโตกว่าปีก่อนในสภาวะที่จีดีพีติดลบ แต่บริษัทมีอัตรากรเติบโตแม้เป็นตัวเลขหลักเดียวก็พอใจแล้ว" นายอัศวิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้บริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงกว่า 20% โดยปัจจุบันอยู่ที่ 24.5% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับอัตราที่บริษัทเคยทำไว้ 26.9% ในไตรมาส 2/51 ซึ่งอัตราดังกล่าวได้ปรับลดลงอย่างมากเมื่อช่วงไตรมาส 4/51 มาที่ 12.5% บริษัทจึงเชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ จะเริ่มกลับมาดีขึ้น
นายอัศวิน กล่าวว่า ครึ่งปีหลังบริษัทไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่มีเพียงการลงทุนทำธุรกิจเทรดดิ้งในเวียดนาม โดยเบื้องต้นจะนำทิชชู่ ขนมขบเคี้ยว สินค้าอุปโภคบริโภคไปขาย เดิมบริษัทส่งออกไปขายบ้างแต่หากเปิดที่เวียดนามเองโอกาสเติบโตจะมีสูงเพราะเวียดนามมีประชากร 100 ล้านคน
และในอนาคตหากมีการไปลงทุนเพื่อเป็นฐานการผลิตก็มีโอกาส เนื่องจากเดิมบริษัทเคยไปลงทุนสร้างโรงงานขวดแก้วที่เวียดนาม แต่ปิดตัวไปจากวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 38 หากมีโอกาสก็อาจจะไปลงทุนใหม่ เพราะโรงงานยังเป็นกรรมสิทธิของบริษัทอยู่
นายอัศวิน กล่าวถึงแผนการเพิ่มทุนว่า ขณะนี้ยังรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากบริษัทต้องการเพิ่มทุนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น แต่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าจำเป็นต้องลงทุนจริงก็ยังมีวงเงินกู้กับสถาบันการเงิน 5-6 พันล้านบาท