โบรกฯเห็นพ้อง"เล่นเก็งกำไร" SCIB ตามข่าวกองทุนฟื้นฟูฯขายหุ้น-ควบกิจการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 2, 2009 14:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกฯ เห็นพ้อง"เล่นเก็งกำไร"หุ้น ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)ตามกระแสข่าวกองทุนฟื้นฟูฯขายหุ้นให้พันธมิตรใหม่ และกระแสข่าวการควบรวมกิจการ แม้จะมีข่าวว่าอาจมีการเสนอซื้อหุ้น SCIB ที่ 1.6 เท่าของมูลค่าทางบัญชี(BV)ที่ 19 บาทกว่า/หุ้น แต่โบรกฯคาดว่าราคาขายน่าจะอยู่ที่ 1.2-1.3 เท่าของ BV เท่านั้น หรือประมาณ 25 บาท/หุ้น พร้อมมองหากเกิดกรณีการควบรวมกิจการขึ้นจริง ก็เชื่อว่า SCIB คงจะได้ Partner ที่ดี และจะทำให้การดำเนินธุรกิจดีขึ้นด้วย

ในแง่ปัจจัยพื้นฐาน SCIB ยังสู้แบงก์ใหญ่ไม่ได้ โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้(52)ที่ 3,300-3,550 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจากผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจ และมองว่าปีนี้จะต้องตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันตั้งสำรองฯไว้น้อยแค่ 62-65% ของตัวเลข NPL ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มแบงก์ โดยครึ่งปีแรก SCIB มี NPL ที่ 9.2%

ส่วนปี 53 จะกลับมาเติบโตขึ้น โดยคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 4,300 ล้านบาท

ล่าสุด ราคาหุ้น SCIB ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 22.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท(+3.67%)มูลค่าซื้อขาย 418.22 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 22.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 22.70 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 22.20 บาท

          โบรกเกอร์                  คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.กสิกรไทย               ซื้อเล่นตามข่าว             20.50
          บล.เอเชีย พลัส                 ซื้อ                  19.25
          บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)      ถือ, ช่วงสั้นเทรดดิ้ง          23.40
          บล.ทิสโก้                 ขาย,ช่วงสั้นเล่นตามข่าว       16.30
          บล.เกียรตินาคิน          เต็มมูลค่าแล้ว,เก็งกำไรตามข่าว   14.20

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ให้เหตุผลของการแนะนำให้"ซื้อ"หุ้น SCIB เพื่อเล่นตามกระแสข่าวกองทุนฟื้นฟูฯจะขายหุ้นออก และข่าวการควบรวมกิจการด้วย ซึ่งมองว่าข่าวที่ออกมาว่าจะมีการขายหุ้น SCIB ที่ 1.6 เท่าของมูลค่าทางบัญชี(Book value)ที่ 19 บาทกว่า/หุ้น ถือว่าเป็นราคาที่แพงไป เพราะเราได้คาดการณ์ราคาที่น่าจะขายไว้แค่ 1.2-1.3 เท่าของ Book value เท่านั้น ซึ่งก็น่าจะประมาณ 25 บาท/หุ้น

นอกจากนี้ หากเกิดกรณีของการควบรวมกิจการขึ้นจริงตามกระแสข่าว ก็เชื่อว่าทาง SCIB คงจะได้ Partner ที่ดี และก็น่าจะทำให้การดำเนินธุรกิจของ SCIB ดีขึ้นด้วย

สำหรับปัจจัยพื้นฐานของ SCIB ขณะนี้คงจะสู้แบงก์ขนาดใหญ่ไม่ได้ แต่หลังควบรวมกิจการแล้วก็อาจจะดูดีขึ้นได้ พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิ SCIB ปีนี้ไว้ที่ 3,500 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว(51)ที่มีกำไรสุทธิ 4,100 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจปีนี้ไม่ดี ทุกแบงก์ก็คงจะเจอปัญหาเช่นเดียวกัน ดังนั้นจะหวังกำไรให้เท่าเดิมคงจะไม่ได้

น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า ช่วงสั้นนักลงทุนสามารถที่จะเข้ามาเล่น"เทรดดิ้ง"หุ้น SCIB ได้ จากประเด็นข่าวเรื่องกองทุนฟื้นฟูฯจะขายหุ้น SCIB

แต่ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานจะเห็นได้ว่า upside ของราคาหุ้น SCIB เหลือแค่ 6-7% จากราคาเป้าหมายใหม่ที่ให้ไว้ 23.40 บาท/หุ้น จึงหันมาแนะนำ"ถือ" จากเดิมราคาเป้าหมายอยู่ที่ 19.4 บาท/หุ้น และได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่ เนื่องจากผลประกอบการงวดไตรมาส 2/52 ออกมาดี มีกำไรจากเงินลงทุนสูง

นอกจากนี้ ได้คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้(52)ไว้ที่ 3,550 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 4,100 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญของ SCIB มีอยู่น้อยแค่ 62% ของตัวเลข NPL ต่ำกว่ากลุ่มแบงก์ที่เฉลี่ยจะมีการตั้งสำรองฯไว้ประมาณ 71% ของ NPL อย่างธนาคารกรุงเทพ(BBL)ยังตั้งสำรองฯไว้กว่า 100% ของตัวเลข NPL แล้ว ดังนั้นจึงมองว่า SCIB คงจะต้องมีการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นในปีนี้ด้วย

นายปรเมศร์ ทองบัว ผู้อำนวยการสำนักวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ในช่วงสั้นสามารถที่จะเล่นหุ้น SCIB ตามกระแสข่าวเรื่องการขายหุ้นของกองทุนฟื้นฟูฯได้ แต่จะเห็นได้ว่าตามข่าวที่ออกมาจะมีการระบุราคาขายที่ 1.6 เท่าของมูลค่าทางบัญชี(Book value)ที่มี 19 บาทกว่า ซึ่งถือว่าราคาที่ระบุไว้ตามข่าวนั้นสูงมาก ดังนั้น จึงไม่รู้ว่าจะมีการซื้อขายจริงหรือเปล่า

ในแง่ของปัจจัยพื้นฐานแนะ"ขาย"หุ้น SCIB เนื่องจากปีนี้จะมีภาระการตั้งสำรองฯมากขึ้น ตามตัวเลข NPL ที่ยังเพิ่มขึ้นอยู่ โดยในช่วงครึ่งแรกปีนี้(52)SCIB มี NPL อยู่ 9.2% ของสินเชื่อทั้งหมด และมีการตั้งสำรองฯไว้แค่ 65% ของ NPL ซึ่งถือว่ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มแบงก์ที่มีการตั้งสำรองฯไว้ที่ 70% ของ NPL

ดังนั้น ปีนี้จึงคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ SCIB จะอยู่ที่ 3,300 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,100 ล้านบาท ส่วนปี 53 ก็จะกลับมาเติบโตขึ้น โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4,300 ล้านบาท



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ