(เพิ่มเติม) SPALI เล็งปรับเป้ารายได้ปี 52 เป็น 8.5 พันลบ. จากเดิมคาด 8 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 3, 2009 13:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า บริษัทจะปรับเป้ายอดรับรู้รายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 8.5 พันล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ 8 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมียอดการรอโอนในครึ่งปีหลัง 3.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นยอดโอนจาก Backlog ที่บริษัทมี 1.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกรับรู้ไปแล้ว 4.5 พันล้านบาท โดย Backlog 1.3 หมื่นล้านบาทจะทยอยรับรู้ไปจนถึง ปี 54

"เราได้ปรับยอดรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นเพราะเราเชื่อว่าเราทำได้ เพราะเรามียอดที่รอโอนที่เรารู้อยู่แล้วว่ามีเท่าไหร่ และยิ่งภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ตอนนี้ดีขึ้น ก็ไม่น่าจะยากสำหรับการทำผลประกอบการของบริษัท แต่ในเรื่องของการเมืองก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจที่ผมมองว่าตอนนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นมาก"นายประทีป กล่าว

ขณะที่กำไรสุทธิในปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 15% โดยในครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโตแล้ว 15% ซึ่งถือว่าสูงกว่าทั้งปีของปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้มีการลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเหลือ 6% จาก 9% ในปีก่อน ขณะที่สามารถซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการได้ถูกกว่าผู้ประกอบการรายอื่น ดังนั้น คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้น่าจะสูงกว่าปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 40%

นายประทีป กล่าวต่อว่า ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของลูกค้าในการกลับเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น โดยในเดือนก.ค.52 มียอดขาย 1 พันล้านบาท และในเดือน ส.ค.52 ก็ปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.5 พันล้านบาท และเชื่อว่าการตัดสินใจซื้อบ้านของลูกค้าจะมีอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะสอดคล้องกับการพัฒนาโครงการที่ในครึ่งปีหลังจำนวน 10 โครงการ มากกว่าครึ่งปีแรกที่เปิดไปแล้ว 3 โครงการ สำหรับแผนปี 53 เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 15 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท

ด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาพันธมิตรหลายรายทั้งในและต่างประเทศที่จะเข้ามาถือหุ้นของบริษัท ซึ่งจะเป็นการเสริมศักยภาพและยังให้บริษัทมี Cash Flow เพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ สำหรับการขายหุ้นให้พันธมิตรดังกล่าว บริษัทจะนำหุ้นที่ซื้อคืนจำนวน 120 ล้านหุ้นมาเสนอขายซึ่งอาจจะเป็นการแบ่งขายหรือขายทั้งจำนวน ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงภาวะที่เหมาะสมด้วย คาดว่าจะสามารถสรุปดีลพันธมิตรภายในปีนี้

"การมีพันธมิตรก็จะเป็นโอกาสการเติบโตที่เราจะยิ่งใหญ่ขึ้น เพราะการเข้ามาของผู้ถือหุ้นในลักษณะนี้มักจะเป็นการลงทุนระยะยาว และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นอีกทางด้วย"นายไตรเตชะ กล่าว

ส่วนแผนการรุกไปตลาดต่างประเทศนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแต่ไม่ใช่เรื่องเร่งรีบและคงจะไม่เห็นในช่วง 2-3 ปีนี้ เนื่องจากมองว่าตลาดในประเทศยังมีศักยภาพอีกหลายทำเลสามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยได้ และบริษัทก็ไม่มีปัญหาเรื่องการซื้อที่ดิน เพราะขณะนี้ได้มีการกลับมาเพิ่มเม็ดเงินลงทุนซื้อที่ดินเป็น 2.5 พันล้านบาทเหมือนเดิม จากเดิมที่ได้ปรับลดงบซื้อที่ดินเหลือ 1 พันล้านบาท หลังภาวะตลาดเริ่มกลับมาฟื้นตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ