นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กจะซบเซาลงในสัปดาห์นี้ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยกระตุ้นที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการวันจันทร์ที่ 7 ก.ย.เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ จะทำให้นักลงทุนจำนวนมากปลีกตัวออกไปนอกตลาด ซึ่งจะยิ่งทำให้บรรยากาศการซื้อขายในสัปดาห์นี้ซบเซาลงด้วย
เบรทท์ ดี อาร์ซี นักวิเคราะห์จาก CBIZ Wealth Management Group กล่าวกับเอพีว่า "ตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระตุ้นในระยะนี้ และการที่ตลาดปิดทำการในวันจันทร์ จึงทำให้ทางการสหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก แต่คาดว่ารายงานที่จะมีอิทธิพลต่อตลาดมากที่สุดคือ Beige Book หรือรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขตของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นประจำเดือนก.ย."
ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีผลต่อตลาดมากที่สุดคือตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรซึ่งทางการสหรัฐเปิดเผยไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ปรับตัวลง 216,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะอัตราว่างงานถีบตัวขึ้น 0.3% ไปอยู่ที่ 9.7% ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี ตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มเคลื่อนไหวทางที่ดีขึ้นอย่างช้าๆ แม้ว่าพื้นฐานของตลาดจะยังอ่อนแออยู่มาก โดยภาคธุรกิจส่วนใหญ่ต่างปรับลดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นภาคการศึกษาและการดูแลสุขภาพ
ตัวเลขจ้างงานที่ดีเกินคาดของสหรัฐเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น 96.66 จุด หรือ 1% ปิดที่ 9,441.27 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ วันพุธ เฟดจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book วันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค. และวันศุกร์จะมีการเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนก.ย. และรายงานตัวเลขงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนส.ค.