นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) คาดว่า รายได้ปีนี้อาจจะทำได้เกินเป้าอย่างน้อย 5% จากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 1.6 พันล้านบาท ส่วนกำไรดีกว่าปีก่อนแน่นอน หลังจากงวดครึ่งปีแรก มีกำไรสุทธิแล้ว 24.14 ล้านบาท จากที่ปี 51 ทั้งปีมีกำไร 11.61 ล้านบาท
"ดูแล้วรายได้น่าจะเกินเป้า 1.6 พันล้านบาทมานิดหน่อย เพราะตอนต้นปีเราตั้งไว้ 1.6 พันล้านบาท แบ่งเป็นครึ่งปีแรก 800 ล้าน ครึ่งปีหลังอีก 800 ล้านบาท แต่พอดีครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 839.11 ล้านบาท ถ้าครึ่งปีหลังได้อย่างที่เราคาด 800 ล้านบาทมันก็เกินแน่นอน แล้วตอนนี้ Backlog ก็เต็มอยู่ เพราะฉะนั้นเกินมาอย่างน้อย 5% ก็น่าจะได้"นายณรงค์กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายณรงค์ กล่าวว่า หลังบริษัทได้รับงานมาใหม่อีก 6 โครงการ รวมมูลค่า 106 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,924 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,818 ล้านบาทเมื่อตอนสิ้นไตรมาส 2/52 โดยในจำนวนงาน 6 โครงการที่เพิ่งได้รับมาใหม่ มีทั้งงานของภาครัฐและภาคเอกชน โดยคาดว่าเฉพาะงานที่เป็นของเอกชน จำนวน 3 โครงการ ที่ใช้เวลาการทำงานไม่นาน ประมาณ 45-60 วัน จะเสร็จในปีนี้ และรับรู้รายได้ทันทีในปีนี้
ได้แก่ งานกำแพงกันดินแบบ Diaphragm wall โครงการรวบรวมงานและระบบน้ำเสียนครศรีธรรมราช ผู้ว่าจ้างคือบริษัท สามประสิทธิ์ จำกัด ระยะเวลาการก่อสร้าง 45 วัน, งานเสาเข็มเจาะบ่อบำบัดน้ำส่า องค์การสุรา อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้ว่าจ้างคือบริษัท ดี วี เอ็ม วี เอส จำกัด ระยะเวลาการก่อสร้าง 55 วัน และ งานโครงการก่อสร้างเดอะเวอร์ติคอล อารีย์ ถนนสุขุมวิท 13 กรุงเทพมหานคร ผู้ว่าจ้างคือ ริษัท บางกอกโฮม คอนสตรัคชั่น แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ระยะเวลาการก่อสร้าง 60 วัน
"6 งานที่เพิ่งได้รับมา เป็นงานที่เราเข้าประมูลตอน Q2 ส่วน Q3 นี้เราก็มีประมูลงานไปแล้ว และรอผลอยู่ เพราะเราก็เข้าประมูลงานใหม่อยู่เรื่อยๆ"นายณรงค์ กล่าว
นายณรงค์ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานใหม่อีกประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่คาดว่าจะได้เริ่มลงมือทำงานในช่วงปลายปีนี้แน่นอน เพราะเจ้าของงานคือ บมจ. ช.การช่าง (CK) เรียกไปดูสถานที่ก่อสร้างแล้ว แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญากัน
"ผมว่าเมื่อไหร่ที่เราลงมือเซ็นสัญญากับ CK ตัวเลขจะกระโดดฮวบขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้ก็ดูสถานที่ก่อสร้างแล้ว ระดับเจ้าหน้าที่ประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ยังไม่ได้จรดปากกาลงนามเป็นเรื่องเป็นราวเท่านั้น"นายณรงค์ กล่าว
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า ดูแนวโน้มเศรษฐกิจเหมือนจะเงยหัว แต่ก็ยังไว้ใจมากไม่ได้ เพราะภาวะการเมือง แต่ถ้าจากนี้ไปไม่มีอะไรรุนแรง ในตลาดมีงานทยอยออกมา คาดว่าบริษัทจะพยายามผลประกอบการให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนจะกลับไปพีคสุดเท่ากับตอนปี 49 ที่มีกำไร 162 ล้านบาทเมื่อไหร่ คงต้องค่อยเป็นค่อยไป จะค่อยๆไต่ขึ้นไป แต่คงอีกไม่นาน
เมื่อเวลา 11.32 น. ราคา SEAFCO ล่าสุดอยู่ที่ 4.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือ +1.50%