นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจัยที่ บลจ.ไอเอ็นจี ให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นไทย มาจากการประเมินว่าทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ดังนั้น หลังจากนี้ไปจะเป็นช่วงของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ซึ่งแน่นอนว่า ประเทศในกลุ่มเอเชียเป็นเป้าหมายหลักของการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และตลาดหุ้นไทยก็เป็นตลาดหุ้นที่นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจ จากการคาดการณ์การปรับเพิ่มขึ้นของผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มจะออกมาดีกว่าคาด อีกทั้งตลาดหุ้นไทยยังมีราคาถูกกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย
“เมื่อพิจารณาการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เราจะพบว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/52 ที่ประกาศออกมาส่วนใหญ่ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง นับว่าน่าสนใจ เพราะเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ตลาดหุ้น ซึ่งเป็นดัชนีสะท้อนภาพเศรษฐกิจจริงก็จะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย" นายต่อกล่าว
นายต่อ กล่าวว่า บลจ.ไอเอ็นจี ร่วมกับธนาคารทหารไทย(TMB)จัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นการลงทุนในกองทุนภายใต้การบริหาร 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ฟันด์(ING Thai Equity Fund)ซึ่งเน้นการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เกรทเทอร์ ไชน่า(ING Thai Greater China Fund)ที่เน้นการลงทุนในกลุ่มประเทศเกรทเทอร์ ไชน่า ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง และไต้หวัน โดยจะต้องลงทุนผ่านธนาคารทหารไทยตั้งแต่วันนี้ - 15 ต.ค.2552
ยอดลงทุนทุกๆ 200,000 บาท จะได้รับบัตรกำนัล Central Gift Voucher มูลค่า 500 บาท เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และบัตรกำนัล TESCO LOTUS มูลค่า 500 บาท สำหรับลูกค้าในเขตธุรกิจสาขาภูมิภาค ทั้งนี้ผู้ลงทุนจะต้องถือครองหน่วยลงทุนในแต่ละยอดลงทุนไม่น้อยกว่า 3 เดือนนับจากวันที่ลงทุนและไม่สามารถสะสมยอดลงทุนได้
ขณะที่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ฟันด์ ซึ่งบริหารโดย บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ได้รับการจัดอันดับจากสถาบันจัดอันดับลิปเปอร์ ให้เป็นกองทุนหุ้นที่มีผลตอบแทนสูงที่สุดในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2552 ที่สามารถสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 54.99% เม อเปรียบเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเวลาเดียวกันที่เพิ่มขึ้น 45.18% รองลงมา คือ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ฟันด์-ปันผล ซึ่งผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 54.44%