นพ.ชาตรี ดวงเนตร ประธานคณะผู้บริหาร ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) กล่าวว่า ขณะนี้โรงพยาบาลอยู่ระหว่างการเจรจาที่จะเข้าไปในการบริหารจัดการโรงพยาบาลในอาบูดาบี 2-3 แห่ง จากก่อนหน้านี้ที่ได้มีการเซ็น MOU ที่อาบูดาบีแล้ว 1 แห่ง และก่อสร้างไปแล้ว 50% ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในสิ้นปีหน้า
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น BGH จะเข้าไปบริหารจัดการก่อน โดยมีเงื่อนไขว่าสามารถเข้าไปลงทุนได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า (2554-2556)
"ที่เลือกอาบูดาบีเพราะมองว่ามีศักยภาพทางการเงินสูงและให้ความสำคัญในการรักษามากขึ่น ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่นอกเหนือจากการลงทุนในโรงพยาบาลที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการสร้างโรงพยาบาลที่เขมร 2 แห่ง ซึ่ง 1 แห่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปีหน้า และปัจจัยดังกล่าวจะทำให้โรงพยาบาลกรุงเทพมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า"นพ.ชาตรี กล่าว
สำหรับรายได้ในครึ่งปีหลัง มองว่าจะเติบโตขึ้น 10-12% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ติดลบ 3-5% แต่เฉลี่ยทั้งปี(52) แล้วรายได้คาดว่าจะเติบโต 5% จากปีก่อน 2.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากพบว่าปริมาณการเข้ารักษาตัวเพิ้มขึ้นตั้งแต่เดือนก.ค.ทั้งคนไข้เก่าที่เพิ่มขึ้น 70-80% จาก 60% ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่คนไข้ใหม่เพิ่มขึ้น 10-13% ซึ่งคนไข้ใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยโดยเฉพาะชาติอาหรับ ซึ่งถือเป็นลูกค้าหลักของโรงพยาบาล
ประกอบกับประชาชนให้ความใส่ใจในการรักษามากขึ้นหลังจากเกิดไข้หวัดใหญ่ 2009 และในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วง high season ของนักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวดังกล่าวส่วนหนึ่งก็จะเข้ามาใช้บริการใน BGH
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังสิ่งที่โรงพยาบาลจะให้ความสำคัญ คือ การให้บริการและทำการตลาดมากขึ้นโดยได้วางงบโฆษณาไว้ 170 ล้านบาท รวมถึงระบบไอทีที่จะให้มีการเชื่อมต่อระหว่างโรงพยาบาลและโรงพยาบาลในเครือ โดยปัจจุบันผู้ป่วยต่างชาติ 35-40% ที่เหลือเป็นในประเทศ
สำหรับรายการบิ๊กล็อตวันนี้ 1 รายการ 3 ล้านหุ้น มูลค่า 72 ล้านบาท นั้น นพ.ชาตรี กล่าวว่า พอจะรู้ว่าใครขายให้ใครแต่เชื่อว่าไม่ใช่เป็นการเก็งกำไรแน่นอน และเชื่อว่าการขายครั้งนี้น่าจะเกิดอะไรๆ ดีขึ้นกับโรงพยาบาล เพราะขายทั้งจำนวน และเป็นรายใหญ่ที่ทำรายการ