ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับฐาน หุ้นใหญ่ชนแนวต้าน น้ำมันยืน เก็งหุ้นturnaround

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 10, 2009 09:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะมีการปรับฐานเพราะหุ้นส่วนใหญ่จะติดแนวต้านเดิมไม่ว่าจะเป็นแบงก์ พลังงานตัวใหญ่ ดัชนีก็ติดที่ประมาณ 700 จุด และราคาน้ำมันน่าจะเริ่มยืนได้ ถ้าแถว 70-71 เหรียญฯก็ in-line กับประมาณการของเราซึ่งมองว่าครึ่งปีหลังน้ำมันน่าจะประมาณ 70 เหรียญฯ

ส่วนตลาดต่างประเทศถึงแม้จะบวกแต่ก็มองว่าโอกาสการ take profit ยังมี ตอนนี้น้ำหนักการลงทุนคงให้ปรับพอร์ต จากเดิมหุ้น 40% ตอนนี้เหลือ 30% เริ่มปรับพอร์ตขายบ้างและอาจจะต้องขายหุ้นที่ติดแนวต้านช่วงสั้นหรือมี upside ไม่มาก และกลับมาซื้อหุ้นที่เป็น turnaround อยู่ในกลุ่มภาคส่งออก ส่วนสินค้าโภคภัณฑ์วันนี้น่าจะเบาๆไม่เด่น เพราะน้ำมันวันนี้แค่ยืนขึ้นไปแถว 70 เหรียญฯ ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(9 ก.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 9,547.22 จุด เพิ่มขึ้น 49.88 จุด(+0.53%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,033.37 จุด เพิ่มขึ้น 7.98 จุด(+0.78%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,060.39 จุด เพิ่มขึ้น 22.62 จุด (+1.11%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,639.33 ล้านบาทเมื่อวานนี้
  • ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้ที่ 71.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.21 ดอลลาร์
  • กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีมติคงเป้าหมายการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิม 24.845 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมครั้งล่าสุดซึ่งเสร็จสิ้นลงแล้วเมื่อคืนนี้ โดยโอเปคกล่าวว่าปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจคงเป้าหมายการผลิตไว้ที่เดิมก็เพราะตลาดน้ำมันดิบอยู่ในภาวะ "โอเวอร์ซัพพลาย" และหลายประเทศมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
  • เวิลด์แบงก์ ขยับอันดับความยากง่ายทำธุรกิจของไทยปี 2553 อยู่ที่ 12 ลดจากเดิม 13 เหตุคุณภาพบริการดันไทยเลื่อนชั้น เนื่องจากภาครัฐช่วยการจัดตั้งทำธุรกิจง่ายขึ้น โดยลดขั้นตอนระยะเวลาจดทะเบียนเหลือเพียงวันเดียว ด้านก.พ.ร.รับข่าวดีแจงเป็นผลจากทุกส่วนราชการ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์กับกรมศุลกากรร่วมมือแก้ปัญหา ตั้งเป้าดันไทยติดกลุ่มท็อปเทนปี
หน้า
  • กิจกรรมทางธุรกิจเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งมิตซูบิชิลุยรับพนักงาน 1,300 คน รับการผลิต 2 กะ เดือน พ.ย.หลังทิศทางตลาดรถยนต์เริ่มฟื้นตัว สต็อกสินค้าลดลง จากการส่งออกไปยังตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เครือโรงแรม 'แมริออท' เดินหน้าสร้างโรงแรมใหม่เพิ่ม 21 แห่งทั่วเอเชีย สร้างงานกว่า 24,000 ตำแหน่ง มั่นใจอนาคตธุรกิจโรงแรมในภูมิภาคสดใส
  • กรรมการนโยบายเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุมัติร่างปฏิญญาอาเซียน ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผนึกอาเซียนประกาศจุดยืนหนุนพิธีสารเกียวโตเดิม วิตก 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ปิโตรเคมีกระดาษ-ปูนซีเมนต์-เหล็ก และโรงไฟฟ้า ได้รับผลกระทบจากการลดก๊าซเรือนกระจก
  • นายกฯ สั่งเดินหน้าแผนตั้ง 'กองทุนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอาเซียน' เล็งดึงทุนสำรองชาติอาเซียนลงขันแห่งละ 10% มั่นใจทันการประชุมอาเซียนซัมมิตปลายเดือน ต.ค.นี้เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในอาเซียน เร่งคมนาคมลงทุนถนน-ระบบราง เชื่อมเส้นทางพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านสั่งห้ามตัดงบลงทุนเด็ดขาด
  • คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีมติให้ 16 ส.ส.คนพ้นสถานภาพการเป็น ส.ส.เนื่องมาจากถือหุ้นในกิจกการต้องห้ามหรือบริษัทที่เป็นคู่สัมปทานกับรัฐ จากทั้งหมด 44 ส.ส.ที่ถูกยื่นคำร้องให้ กกต.พิจารณา โดยในจำนวน ส.ส.ที่ต้องพ้นสถานภาพการเป็น ส.ส.ครั้งนี้ มีรัฐมนตรีรวมอยู่ด้วย 3 รายคือ นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม , นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข และ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย
  • นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ล่าสุด พบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีหุ้นไทย(SET Index)ในปีนี้จะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 711 จุด และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปลายปี 52 เฉลี่ย 674 จุด สูงขึ้นจากเดือนพ.ค.ที่คาดการณ์ไว้ที่ 535 จุด
  • รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) แจ้งว่า บริษัท อาซิลอร์ มิตัล ยังคงสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากคาดว่าความต้องการเหล็กของไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า เพราะเศรษฐกิจของไทยให้ความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ดังนั้นอัตราการใช้เหล็กของไทยจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
  • นายกรณ์ จาติวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมจะทบทวนระยะเวลาสิ้นสุดมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนภายใต้"5 มาตรการ 6 เดือน"จากที่เลื่อนออกไป ธ.ค.52 แต่ส่วนการออกมาตรการระยะสั้นอื่น ๆ คงไม่จำเป็นแล้ว โดยรัฐบาลจะมุ่งเน้นไปที่มาตรการระยะกลางและระยะยาวเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเท่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ